ตุรกีเริ่มรื้อถอนอาคาร เพื่อค้นหาร่างผู้สูญหาย เนื่องจากโครงสร้างอาคารเสียหายหนัก

“ไม่มีปาฏิหารย์-No Miracle” ทีม USAR Thailand เห็นด้วยที่ตุรกีเริ่มรื้อถอนอาคาร เพื่อค้นหาร่างผู้สูญหาย เนื่องจากโครงสร้างอาคารเสียหายหนัก อันตรายหากต้องส่งทีมค้นหาและกู้ภัยเข้าไปภายใน
จากภารกิจที่ทีม USAR Thailand ได้รับการมอบหมายจากทีมกู้ภัยตุรกีหรือ AFED ให้ไปช่วยค้นหาเด็ก 7 ขวบที่คาดว่าจะรอดชีวิต ภายในอาคารหลังนี้ แต่เมื่อไปถึงพบว่าทีมกู้ภัยจีน ได้ใช้เครื่องสแกนค้นหาไม่สามารถจับความร้อนได้ ทางตุรกีจึงเริ่มรื้อถอนอาคาร เพื่อค้นหาร่างผู้สูญหายต่อไป ท่ามกลางการรอคอยของญาติ
นายธนกฤต ชาลี ทีมกู้ภัย USAR Thailand และนายยศกร ชลรัตน วิศวกร ทีม USAR Thailand จากวิศวกรรมสถานฯ มาตรวจสอบสภาพอาคารพบว่าฐานรากเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว แต่อาคารหลังนี้มีอาคารอีกหลังมารับไว้ แต่หากพบผู้รอดชีวิตจริงจะต้องประเมินความเสี่ยง เพื่อช่วยชีวิตคนก็ต้องทำ แต่หากว่าไม่มีชีวิตแล้ว ก็จำเป็นต้องรื้อถอนแต่ก็ต้องระวังไม่ให้กระทบร่างผู้สูญเสียที่มีความสำคัญต่อความรู้สึกของญาติเช่นกัน
“ถ้าพบผู้รอดชีวิต แต่สภาพอาคารเสียหายแบบนี้ จำเป็นต้องช่วยชีวิตคน ต้องส่งทีมค้นหา โดยต้องวางระบบที่ปลอดภัย เช่นการหาอุปกรณ์ค้ำยัน ป้องกันการพังทลายระหว่างการเข้าไปช่วยเหลือตามหลักวิศวกรรม และตรวจสอบทางกายภาพเรื่องงานสถาปัตกรรมที่แตกหัก ได้แก่กระจกฝ้า ที่อาจส่งผลกระทบกับทีมกู้ภัยและผู้ประสบภัยระหว่างการช่วยเหลือ”
แต่กรณีที่ไม่พบผู้รอดชีวิต ลักษณะความเสียหายของอาคารที่เห็น นายยศกร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่ทางตุรกีจะรื้อถอนอาคาร เพื่อป้องกันอาคารวิบัติซ้ำจากอาฟเตอร์ช็อคที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราไม่คาดคิด เพราะตัวอาคารได้เสียเสถียรภาพของโครงสร้างหมดแล้ว แต่หากมีร่างผู้เสียชีวิตอยู่ใต้ซากอาคาร ก็ต้องรื้อให้ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม และไม่กระทบกับร่างผู้เสียชีวิต ส่งต่อให้ญาติไปดำเนินการตามหลักศาสนาต่อไป
นายศกร กล่าวด้วยว่าจากสภาพอาคารที่เสียหายทั้งหมด ในที่สุดจะต้องรื้อถอนอาคารที่เสียหายทั้งหลัง ส่วนที่เสียหายบางส่วน ต้องตรวจสอบโครงสร้างฐานรากว่าแข็งแรงพอหรือไม่ ซึ่งสุดท้ายจะต้องวางระบบผังเมืองใหม่ เพราะอาคารทุกหลังเสียหายอย่างรุนแรง จากแผ่นดินไหวระดับ 7.8 จึงสามารถเป็นเกณฑ์ในการวางระบบโครงสร้างรองรับแผ่นดินไหวของตุรกีได้