จับตาราคาข้าวสาลี หลังอินเดียสั่งห้ามส่งออก
จับตาราคาข้าวสาลี หลังอินเดียสั่งห้ามส่งออก มีผลบังคับใช้ทันที เพื่อควบคุมราคาในประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ผู้ซื้อทั่วโลกแห่ซื้อข้าวสาลีจากอินเดีย หลังการส่งออกข้าวสาลีจากภูมิภาคทะเลดำลดลง นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฎิบัติการทางทหารใส่ยูเครน ส่งผลให้ราคาข้าวสาลีและผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีในอินเดีย พุ่งขึ้น 15-20% ขณะที่ราคาข้าวสาลีในตลาดโลก อยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี
วานนี้ (13 พ.ค. 65) รัฐบาลอินเดีย ออกประกาศว่า การขนส่งข้าวสาลีจะได้รับอนุญาตเฉพาะที่มีการออกหนังสือรับรองการชำระเงิน โดยธนาคาร (letters of credit – L/C) แล้วเท่านั้น โดยประกาศดังกล่าว ให้มีผลบังคับใช้ทันที เพื่อควบคุมราคาข้าวสาลีในประเทศ โดยอินเดียถือเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
สำหรับประเทศที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบหนัก เพราะนำเข้าข้าวสาลีจากอินเดียเป็นจำนวนมาก คือ ซาอุดีอาระเบีย มูลค่าประมาณ 35,200 ล้านบาท , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มูลค่าประมาณ 11,600 ล้านบาท , บังกลาเทศ มูลค่าประมาณ 11,500 ล้านบาท , เยเมน มูลค่าประมาณ 10,700 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา มูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท
ข้าวสาลี สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ ได้ ทั่วโลกจึงมีความต้องการข้าวสาลีอย่างมาก รวมถึงในประเทศไทยด้วย เพราะในประเทศไทยผลิตข้าวสาลีได้น้อยแต่ยังจำเป็นต้องใช้และต้องนำเข้า เพราะคนไทยมีความนิยมบริโภคผลิตภัณฑ์จากแป้งสาลี ทั้งในรูปของขนมอบ เส้นพาสตา เส้นบะหมี่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
นอกจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อินเดียยังเจอกับปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน จนส่งผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพของข้าวสารลี โดยขณะนี้ อินเดียมีแนวโน้มที่จะอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์ หากทั้ง 2 สถานนี้ไม่คลี่คลาย จะทำให้ราคาข้าวสาลี แป้งข้าวสาลี และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของข้าวสาลี ราคาพุ่งขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้