ททท.ยอมรับ “โอมิครอน” ทำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยน้อยลง
ศบค. ย้ำ ต่างชาติเข้าไทยไม่ใส่แมส ปรับ 2 หมื่นบาท
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยอมรับว่า ยอดจองเข้าไทยในช่วงปีใหม่ เริ่มชะลอตัว นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งเลื่อนการเดินทางเป็นช่วงหลังปีใหม่ โดยสถานการณ์นี้เริ่มเห็นชัดตั้งแต่วันที่ 8 ธันาคมที่ผ่านมา ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยลดลงเหลือวันละกว่า 3 พันคน ล่าสุด วันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 2,584 คน จากก่อนหน้านี้ 5 – 6 พันคน จากสถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธ์โอมิครอน ที่เริ่มระบาดรุนแรงในโซนยุโรป ซึ่งต่างเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางเข้าไทยมากสุดในช่วงนี้
ด้าน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ยังแถลงความคืบหน้า การเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1-16 ธันวาคม 2564 รวม 122,363 ราย พบผู้ติดเชื้อ 226 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.18 โดยประเทศที่เดินทางเข้ามามากที่สุด คือ เยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และฝรั่งเศส มียืนยันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในไทย 14 ราย ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางเข้ามาในระบบ Test and Go
พญ.อภิสมัย ระบถึงภาพรวมการเดินทางเข้าประเทศว่า แม้อัตราผู้ติดเชื้อไม่สูง แต่ต้องเตรียมรองรับ กรณีนักท่องเที่ยวอาจเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแม้จะตรวจคัดกรองจากต้นทางและผลเป็นลบ แต่อาจมาตรวจพบผลเป็นบวกเมือ่ถึงประเทศไทยได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา หลายประเทศปฏิเสธการใส่หน้ากากอนามัย จึงต้องเน้นย้ำว่า เมื่อเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขของไทย ถ้าไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็ต้องถูกปรับ 20,000 บาท ขณะที่สถานประกอบการโรงแรม สามารถปฏิเสธการให้บริการนักท่องเที่ยวที่ไม่ปฎบัติตามมาตรการสาธารณสุขของไทยได้