POLITICS

‘เศรษฐา‘ ขอเกษตรกรมั่นใจ รัฐบาลนี้ใส่ใจ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ 3 เท่าใน 4 ปี

‘เศรษฐา‘ แถลงวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ขอเกษตรกรมั่นใจ รัฐบาลนี้ใส่ใจ ไม่ใช่ใส่เงิน ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ 3 เท่าใน 4 ปี ดันไทยเป็นศูนย์กลางเกษตรและอาหารโลก

วันนี้ (31 พ.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แสดงวิสัยทัศน์และแนวทางเพื่อขับเคลื่อน IGNITE THAILAND จุดพลัง รวมใจ ไทยเป็นหนึ่ง ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเกษตรและอาหารโลก

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ร้อยเอกธรรมนัส ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีพืชผลทางการเกษตร และเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโลก มีพี่น้องคนไทยไม่ต่ำกว่า 8 ล้านครอบครัวยึดอาชีพการเป็นเกษตรกร รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ได้ให้ความสำคัญผ่านกลไก “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรภายใน 4 ปี รายได้ต้องเพิ่มเป็น 3 เท่าผ่าน 2 มาตรการสำคัญคือ มาตรการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืน และการยกระดับสินค้าเกษตรสู่การเพิ่มรายได้

สำหรับมาตรการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืน เราจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเกษตรกรเพื่อให้ยึดถืออาชีพนี้อย่างภาคภูมิใจ โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กระทรวงเกษตรฯ เร่งค้นคว้าวิจัยให้ได้สายพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน เหมาะกับความต้องการของตลาด โดยจะใช้นวัตกรรมและแก้ไขยีน Gene Editing พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนในระยะเวลาอันใกล้

ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยแม่นยำ ถูกสูตร ถูกอัตรา ถูกเวลา ถูกวิธี เพื่อลดต้นทุนการผลิตได้ร้อยละ 40 ทำให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 นอกจากนี้จะขยายพื้นที่เขตชลประทานให้มากกว่า 40 ล้านไร่ เปลี่ยนระบบการกระจายน้ำเป็นระบบส่งน้ำแบบทางน้ำปิด (ระบบท่อ) ป้องกันการสูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็น ส่วนพื้นที่นอกเขตพื้นที่ชลประทานมีการขุดบ่อขนาดจิ๋ว ขนาด 1,260 ลบ.ม. ปัจจุบันมีไม่น้อยกว่า 7 แสนบ่อ

ส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทดแทนแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รณรงค์ลดการเผาในพื้นที่เกษตร ภาครัฐอาจมีมาตรการจูงใจในการลดการเผาอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข ส่งเสริมการทำงานแบบ 4 ป. และมาตรการ 3R เพื่อสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน

ขณะที่มาตรการยกระดับสินค้าทางการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้ ประหอบด้วย กลุ่มสินค้าที่มีการผลิตมากกว่าความต้องการภายในประเทศ เช่น ข้าว ต้องลดพื้นที่ปลูกข้าวในฤดูนาปรังในพื้นที่สูงที่มีน้ำน้อย สนับสนุนการปลูกพืชทางเลือก เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง และถั่วเขียว ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ได้มากกว่าเดิม

ยางพารา ที่ผ่านมาเราปราบปรามการลักลอบนำสินค้าเถื่อนเข้าประเทศ ซึ่งได้ผล เราเป็นประเทศที่ปฏิบัติตามมาตรฐานสากล EUDR ปัจจุบันรัฐบาลสามารถพยุงราคาได้กิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนปาล์มน้ำมัน เวลานี้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 4.50 บาทต่อกิโลกรัม

กลุ่มสินค้าที่ตลาดมีความต้องการ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่งเสริมการปลูกทดแทนเข้านาปรัง 2 ล้านไร่ มันสำปะหลัง ต้องใช้เทคโนโลยีปลูกในระบบน้ำหยดเพิ่มผลผลิตต่อไร่คิดค้นพันธุ์ใหม่ ทุเรียน ผลิตสินค้าตามมาตรฐาน GAP/GAP+/HACCP สร้างสินค้าเกรดพรีเมียม เพื่อส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพ เช่น ถั่วเหลือง กาแฟ ชา โกโก้ จะมุ่งเพิ่มผลผลิตทดแทนการนำเข้า สนับสนุนพันธุ์ดี เทคโนโลยีนวัตกรรมที่เหมาะสม

สิ่งที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลกอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม รัฐบาลกำลังยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้น ยืนยันว่าเราทำได้ โดยปี 2567 เราจะยกระดับรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า และอีกหกเดือนที่เหลือของปีนี้จะจับมือกับดระมรวงมหาดไทย เร่งแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำอย่างจริงจัง พร้อมสนับสนุนค่ายประกันภัยเข้านาปี

นายเศรษฐา กล่าวช่วงหนึ่งของการแสดงวิสัยทัศน์ “IGNITE Agriculture 2025” ถึงการตัดต่อพันธุกรรม เราเคยเป็นสังคมอีแอบนำเข้าสินค้าที่ตัดต่อพันธุกรรมเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พูดชัดเจนว่าจะแก้ไข เพื่อให้ Gene ของไทยสูงขึ้น ทำให้ผลผลิตดีขึ้น เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น โดยตั้งเป้าให้คนในภาคเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี

รัฐบาลนี้ใส่ใจกับภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือ เกษตรกร ซึ่งเราให้ความสำคัญสูงสุด ไม่ใช่แค่การค้าขายกับต่างประเทศ หรือเชิญเขามาลงทุนในสิ่งที่สวยหรูอย่างเดียว รัฐบาลนี้ให้ความใส่ใจ ไม่ใช่ใส่เงิน เชื่อว่าการใส่ใจมีค่าเทียบเท่ากับการใส่เงิน ขอให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ใส่เงินอย่างเดียว แต่ใส่ใจดูแลพี่น้องเกษตรกรด้วย

Related Posts

Send this to a friend