‘กมธ.งบฯ’ ถกปัญหาภัยแล้ง-งบสร้างฝาย ชี้ งบฯ 67 ไร้กู้เงิน 5 แสนล้านบาท
จี้รัฐบาลให้ความชัดเจนขัดกฎหมายหรือไม่ พร้อมท้วงติงเดินหน้าแก้หนี้นอกระบบให้ประชาชน กลับสร้างหนี้สาธารณะกู้เงินดิจิทัลวอลเล็ต
วันนี้ (30 พ.ย.66) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม กมธ.วันนี้ว่าจะมีการพิจารณาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากสถานการณ์เอลนีโญ่ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งงบที่ถูกตั้งขึ้นจะเป็นโครงการเกี่ยวกับการสร้างฝายเก็บน้ำเก็บน้ำ โดยตั้งเป้าในการพิจารณาเพื่อการใช้งบประมาณ ให้เกิดความรอบคอบและมีความคุ้มค่าสูงสุด
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กมธ.มีวาระพิจารณาหลายอย่าง เช่น คณะอนุ กมธ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ได้เรียกหน่วยงานที่ขอรับงบประมาณทั้งหมดมาชี้แจงว่าแต่ละหน่วยขออะไรบ้าง รวมแล้วเป็นวงเงิน 5.8 ล้านล้านบาท แต่สำนักงบประมาณตัดเหลือ 3.48 ล้านล้านบาท และตอนนี้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่กำหนดว่ากรอบงบแต่ละกระทรวงผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่เรากำลังรอคือคำของบประมาณที่ถูกอนุมัติจัดสรรในรายโครงการ โดยจะออกมาประมาณวันที่ 23 ธ.ค. และจะมีมติ ครม.วันที่ 26 ธ.ค. ก็จะนำข้อมูลที่ได้จากหน่วยงานมาประกบข้อมูลที่ออกมาจากสำนักงบฯ เพื่อดูว่าการจัดสรรงบประมาณระหว่างคำของบประมาณกับที่สำนักงบประมาณอนุมัติ มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนหรือไม่
ประธานกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณฯ ยังระบุเพิ่มเติมว่า ในตัวงบประมาณปี 2567 ไม่มีงบที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลจะนำไปใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอเล็ต 10,000 บาท และยังมีความชัดเจนมาอยู่แล้วว่าแหล่งที่มาของเงินของโครงการดังกล่าว ไม่สามารถใช้ในเงินจากงบประมาณเป็นหลักได้ ซึ่งรัฐบาลก็ได้ชี้แจงมาแล้วว่า จะออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งมีปัญหาหลายอย่างตามที่ได้ทราบกัน เช่น จะขัดต่อกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และกฎหมายหนี้สาธารณะหรือไม่ ขณะนี้รอความชัดเจนจากกฤษฎีกา ซึ่งในฐานะกรรมาธิการและประชาชนต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน จากข้อมูลที่ได้จากการเรียกหน่วยงานมาให้ข้อมูลการของบประมาณปี 2567 พบว่า ยังมีเรื่องระเบียบกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลางเกี่ยวกับการแบ่งชั้นผู้รับเหมา ที่ชี้ชัดว่าผู้รับเหมาชั้นพิเศษ ของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทว่า ระเบียบดังกล่าวเอื้อให้เกิดการฮั้วประมูลหรือไม่ จึงตั้งข้อสังเกตว่าผู้รับเหมาที่ประมูลงานปีละหลาย 10,000 ล้านบาทอาจมีการฮั้วประมูล จึงเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจง เพื่อแก้ไขระเบียบต่างๆ
สำหรับการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านตั้งเป้าที่จะเปิดเผยแผนการของงบประมาณปี 67 ของหน่วยงานในวงเงิน 5.8 ล้านล้านบาท ที่จะเข้าวาระพิจารณาสภาฯ ช่วงต้นมกราคม 2567 ให้ สส.ทั้ง 500 คน ช่วยอภิปรายตรวจสอบ เพราะตอนนี้ สำนักงบประมาณถือหลักเกณฑ์พิจารณาจัดสรรงบเพียงหน่วยงานเดียว ที่ตัดเหลือ 3.48 ล้านบาท ใช้หลักเกณฑ์อะไร และงบฯปี 2567 ล้าช้ามากว่าครึ่งปี ซึ่งจะกระทบต่องบประมาณการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ จึงคาดหวังให้ร่างกฎหมายงบประมาณผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว
ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงนโยบายแก้หนี้ของรัฐบาลว่า การแก้หนี้ให้ประชาชนนั้น เป็นประโยชน์ แต่การดำเนินการของรัฐบาลมีความย้อนแย้งในตัวเอง เนื่องจากรัฐบาลบอกจะแก้หนี้ให้ประชาชนและในขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังจะออกพระราชบัญญัติกู้เงินสร้างหนี้สาธารณะให้ประชาชน ชวนประชาชนตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ในโครงการดังกล่าว
สำหรับร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 จะเข้าวาระสภา ฯ ต่อจากงบฯปี 2567 โดยกรรมาธิการชุดนี้ ตั้งใจจะให้มีร่างงบฯปี 2568 ประกบร่างของรัฐบาล ซึ่งหลายประเทศก็มีโมเดลดำเนินการในลักษณะนี้ โดยในช่วงปลายปีที่เป็นช่วงกำหนดการส่งคำของบประมาณปี 2568 ของแต่ละหน่วยรับงบประมาณกรรมาธิการจะเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจงถึงข้อมูลคำของบประมาณปี 2568 ด้วย
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ การศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ เปิดเผยถึงวาระการพิจารณาในวันนี้ว่า เป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากสถานการณ์ เอลนีโญ่ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งงบที่ถูกตั้งขึ้นจะเป็นโครงการเกี่ยวกับการสร้างฝายเก็บน้ำเก็บน้ำ โดยตั้งเป้าในการพิจารณาเพื่อการใช้งบประมาณ ให้เกิดความรอบคอบและมีความคุ้มค่าสูงสุด
พร้อมกันนี้ ได้เปิดเผยถึงการพิจารณาของคณะอนุงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จึงได้เชิญหน่วยงานรับงบประมาณมาชี้แจงการตั้งขอรับงบประมาณ รวมแล้วเป็นวงเงิน 5.8 ล้านล้านบาท แต่สำนักงบประมาณตัดเหลือ 3.48 ล้านล้านบาท โดยตัวร่างพระราชบัญญัติงบประมาณที่เป็นตัวกรอบงบประมาณว่า แต่ละกระทรวงได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวนเท่าใด เมื่อผ่านมติ ครม.แล้ว
ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไป คือ งบประมาณที่ถูกอนุมัติจัดสรร 3.48 ล้านล้านบาท เป็นรายโครงการ รายไอเท็มจะออกมาวันที่ 23 ธันวาคม โดยมติ ครม.จะออกมาราว 26 ธันวาคม จากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้จากหน่วยงานมาประกบข้อมูลที่ออกมาจากสำนักงบฯ เพื่อดูว่าการจัดสรรงบประมาณระหว่างคำของบประมาณกับที่สำนักงบประมาณอนุมัติ มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนหรือไม่
ประธานกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณฯ ยังระบุเพิ่มเติมว่า ในตัวงบประมาณปี 2567 ไม่มีงบที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลจะนำไปใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอเล็ต 10,000 บาท และยังมีความชัดเจนมาอยู่แล้วว่าแหล่งที่มาของเงินของโครงการดังกล่าว ไม่สามารถใช้ในเงินจากงบประมาณเป็นหลักได้ ซึ่งรัฐบาลก็ได้ชี้แจงมาแล้วว่า จะออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งมีปัญหาหลายอย่างตามที่ได้ทราบกัน เช่น จะขัดต่อกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และกฎหมายหนี้สาธารณะหรือไม่ ขณะนี้รอความชัดเจนจากกฤษฎีกา ซึ่งในฐานะกรรมาธิการและประชาชนต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน จากข้อมูลที่ได้จากการเรียกหน่วยงานมาให้ข้อมูลการของบประมาณปี 2567 พบว่า ยังมีเรื่องระเบียบกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลางเกี่ยวกับการแบ่งชั้นผู้รับเหมา ที่ชี้ชัดว่าผู้รับเหมาชั้นพิเศษ ของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทว่า ระเบียบดังกล่าวเอื้อให้เกิดการฮั้วประมูลหรือไม่ จึงตั้งข้อสังเกตว่าผู้รับเหมาที่ประมูลงานปีละหลาย 10,000 ล้านบาทอาจมีการฮั้วประมูล จึงเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจง เพื่อแก้ไขระเบียบต่างๆ
สำหรับการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านตั้งเป้าที่จะเปิดเผยแผนการของงบประมาณปี 67 ของหน่วยงานในวงเงิน 5.8 ล้านล้านบาท ที่จะเข้าวาระพิจารณาสภาฯ ช่วงต้นมกราคม 2567 ให้ สส.ทั้ง 500 คน ช่วยอภิปรายตรวจสอบ เพราะตอนนี้ สำนักงบประมาณถือหลักเกณฑ์พิจารณาจัดสรรงบเพียงหน่วยงานเดียว ที่ตัดเหลือ 3.48 ล้านบาท ใช้หลักเกณฑ์อะไร และงบฯปี 2567 ล้าช้ามากว่าครึ่งปี ซึ่งจะกระทบต่องบประมาณการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ จึงคาดหวังให้ร่างกฎหมายงบประมาณผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว
ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงนโยบายแก้หนี้ของรัฐบาลว่า การแก้หนี้ให้ประชาชนนั้น เป็นประโยชน์ แต่การดำเนินการของรัฐบาลมีความย้อนแย้งในตัวเอง เนื่องจากรัฐบาลบอกจะแก้หนี้ให้ประชาชนและในขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังจะออกพระราชบัญญัติกู้เงินสร้างหนี้สาธารณะให้ประชาชน ชวนประชาชนตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ในโครงการดังกล่าว
สำหรับร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 จะเข้าวาระสภา ฯ ต่อจากงบฯปี 2567 โดยกรรมาธิการชุดนี้ ตั้งใจจะให้มีร่างงบฯปี 2568 ประกบร่างของรัฐบาล ซึ่งหลายประเทศก็มีโมเดลดำเนินการในลักษณะนี้ โดยในช่วงปลายปีที่เป็นช่วงกำหนดการส่งคำของบประมาณปี 2568 ของแต่ละหน่วยรับงบประมาณกรรมาธิการจะเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจงถึงข้อมูลคำของบประมาณปี 2568 ด้วย