POLITICS

ประธานวุฒิสภา แจงเหตุไม่บรรจุญัตติน้ำท่วมในวาระ เพราะเดี๋ยวก็ตั้ง กมธ.สามัญแล้ว

วันนี้ (30 ส.ค.67) นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ สว.เปิดเผยว่าได้ยื่นญัตติด่วนเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติจากวิกฤตอุทกภัยอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ แต่ประธานวุฒิสภายังไม่ได้บรรจุในระเบียบวาระการประชุม

นายมงคล กล่าวว่าต้องขอบคุณที่หลายท่านมีความเห็น ขณะนี้วุฒิสภาตระหนักถึงภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น โดยการช่วยเหลือมี 2 ส่วน คือฝ่ายบริหารทุกคนก็ไปช่วยกันอย่างเต็มที่ ฝ่ายนิติบัญญัติ สิ่งที่เราทำได้คือ สว.ในพื้นที่ลงไปบริจาคเงิน ขณะนี้รวบรวมได้ยอดจำนวนกว่า 100,000 บาทแล้ว ซึ่งคงจะต้องส่งผ่านไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งอาจนำไปซื้อสิ่งของที่จำเป็น

ส่วนกรณีการยื่นญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ คือสิ่งที่เราจะทำโดยญัตติเรื่องกรรมาธิการสามัญ จะเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาวันที่ 2 ก.ย.นี้แล้วจะพิจารณาว่า เรื่องการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยจะนำเข้าในที่ประชุมกรรมาธิการสามัญ ทั้งนี้ไม่ได้ปฏิเสธและเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีและพร้อมสนับสนุน แต่การศึกษาต้องทำโดยละเอียดรอบคอบ เมื่อได้ผลการศึกษาออกมาก็จะมีข้อเสนอแนะส่งต่อให้ฝ่ายบริหาร

เหตุที่ไม่บรรจุลงระเบียบวาระนั้น เพราะกรรมาธิการสามัญกำลังจะตั้งขึ้นอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำวันนี้พรุ่งนี้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำโดยละเอียดรอบคอบในระยะยาว ซึ่งต้องปรึกษาหลายฝ่าย รออีกนิดเดียว ไม่นาน

นายมงคล กล่าวย้ำว่าก็ทำงานของประธานวุฒิสภา มีหน้าที่อำนวยความสะดวกและรับใช้ทุกฝ่าย ไม่ใช่การชี้สั่งการ และต้องรับฟังทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน เพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดร่วมกัน สำหรับการลดจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญฯ ลงเหลือ 21 คณะ ทำให้ สว.บางกลุ่มมองว่าอาจมีใบสั่งนั้น คงไม่สามารถไปห้ามความคิดของแต่ละคนได้ ส่วนตัวคิดว่า สว.แต่ละท่าน มีวุฒิภาวะ หากสังเกตการประชุมแต่ละครั้ง แต่ละท่านก็อภิปรายไม่ซ้ำกัน

ท่านจะมีหลายมุมมอง เหมือนดอกไม้หลายสี เอามารวมกัน หลายมุมมองเอามามาช่วย เอามาดูแลกัน ฉะนั้นจะไปบอกให้คนนั้นทำอย่างนั้นอย่างนี้ น่าจะใช้กับสภายาก ส่วนจำนวนกรรมาธิการสามัญ 21 คณะ จะเพียงพอกับการทำงานหรือไม่นั้น เป็นไปตามมติของสมาชิก ส่วนตัวสิ่งที่เราจำเป็นต้องนึกถึงเสมอ คือเรากำลังทำหน้าที่อะไร ในเมื่อเราทำหน้าที่เป็นประธานก็ต้องทำตามมติของเสียงส่วนใหญ่ และตนเองได้พูดกับทุกคนว่า คนที่เป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนไม่ใช่ประธาน ประธานนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้ แต่มีหน้าที่จัดลำดับให้คนพูด แม้แต่การออกเสียงก็ยังต้องงดออกเสียง

สำหรับข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ที่การเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาจะต้องส่งเป็นเอกสารล่วงหน้าให้ประธานเท่านั้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เราต้องทราบเรื่อง เพราะหากประธานไม่ทราบ แต่มีการเสนอหรือพูดเรื่องอะไรขึ้นมา ไม่ใช่ว่านึกแต่จะพูดอะไรขึ้นมาก็พูดได้ ต้องทราบว่าเป็นเรื่องอะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร

ญัตตินี้จะด่วนหรือไม่ด่วนก็ต้องมีเรื่องราวมาก่อน มีที่มาที่ไปอย่างไร สำคัญคือเกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของสภาหรือไม่ มีเหตุผลพอที่จะอภิปรายกันหรือไม่อย่างไร ผู้ที่จะอนุญาตให้พูดก็ต้องรู้ก่อน ส่วนกรณีมี สว.บางท่านเสนอให้อภิปรายกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ขอออกความเห็น เพราะไม่ทราบว่าจะอภิปรายเรื่องอะไร

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าหากทราบเรื่องแล้ว จะสามารถเสนอญัตติเป็นวาจาได้หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่าทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล เพราะการประชุมแต่ละครั้ง สมาชิกทุกคนต้องรับรู้ และต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาด้วย

Related Posts

Send this to a friend