‘เปรมศักดิ์‘ เสนอญัตติ เพิ่ม กมธ.เป็น 28 คณะ ลดปัญหาทำงานซ้ำซ้อน
‘เปรมศักดิ์‘ เสนอญัตติ เพิ่ม กมธ.เป็น 28 คณะ ลดปัญหาทำงานซ้ำซ้อน ลั่น สว.ชุดใหม่กระฉับกระเฉงพร้อมตรวจสอบรัฐบาล ไม่เหมือนฝ่ายค้านเริ่มอ่อนแรง ส่วนปม ‘หมอเกศ‘ ถึงเวลาคงมีคนเสนอตรวจสอบ
วันนี้ (30 ก.ค. 67) นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มการสาธารณสุข แถลงข่าวเสนอญัตติขอเพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา จาก 20 คณะเป็น 28 คณะ โดยระบุว่า สว. 200 คน มีความตั้งใจแต่เพิ่งมาใหม่ จึงไม่รู้จะดำเนินการทางการเมืองอย่างไร หากไม่มีคณะกรรมาธิการมาทำงานจะเสียกลไกของสภาสูง จึงเสนอยกร่างข้อบังคับให้เพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญฯ เป็นทั้งหมด 28 คณะ เนื่องจากหลายคณะกรรมาธิการมีการนำภาระงานหลายอย่างมารวมอยู่ จึกยกร่างแก้ให้แยกคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจออกเป็น คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ 1 คณะ เพื่อดูแลเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งไทยและต่างประเทศ และแยกเป็นคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง และสถาบันการเงิน อีก 1 คณะ
พร้อมกับเสนอให้แยกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมองว่าเป็นการรวมงานคนละอย่างมาไว้ด้วยกัน เสนอยกร่างให้แยกออกเป็น 2 คณะกรรมาธิการ คือคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว เพราะ สว. ชุดนี้ ก็มาจากกลุ่มอาชีพท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และมีคณะกรรมาธิการการกีฬา อีก 1 คณะ รวมถึงคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ก็เสนอให้แยกเป็นคณะกรรมาธิการการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 1 คณะ และแยกคณะกรรมาธิการการตำรวจ อีก 1 คณะ เพราะลำพังเรื่องตำรวจก็มีปัญหามากมายที่ประชาชนได้รับผลกระทบ
การเพิ่มคณะกรรมาธิการสามัญขึ้นมาเป็น 28 คณะ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบรัฐบาล เพราะหากไปหวังพึ่ง 38 คณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎร หากรัฐมนตรีของพรรคตนเองอยู่กระทรวงใด พรรคการเมืองนั้นก็จะส่งคนไปรับตำแหน่งในกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง แล้วจะตรวจสอบได้อย่างไร กระบวนการตรวจสอบของ สว. น่าจะตรงไปตรงมามากกว่า และยังเสนอยกร่างให้มีกรรมาธิการได้คณะละ 8-18 คน หากมีภาระงานมาก ก็สามารถเชิญบุคคลภายนอกมาเป็นอนุกรรมาธิการได้ด้วย ในร่างข้อบังคับนี้เปิดให้มีอนุกรรมาธิการได้ไม่เกิน 5 อนุกรรมาธิการต่อ 1 คณะกรรมาธิการ และให้มีอนุกรรมาธิการได้ 12 คน
ส่วนที่หลายคนมองว่าการเพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการจะเป็นการเพิ่มงบประมาณด้วยนั้น งบประมาณของ สว.เล็กน้อย ทั้งสองสภาใช้งบเพียงเล็กน้อยในการทำงาน เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่ามีความไม่ชอบมาพากลกว่าหรือไม่ ทั้งนี้สว. แต่ละคนมีที่มาอย่างไรไม่สำคัญ ที่ไปสำคัญกว่า อีก 5 ปีจะขับเคลื่อนอย่างไร ให้เรียกความเชื่อมั่นของประชาชน ขอให้กรรมาธิการปลดล็อกการทำงาน ไม่ควรล็อกไปทั้งหมด ตั้งแต่ล็อกผลการเลือก สว. ระดับประเทศที่เมืองทองธานี ยังมาล็อกเก้าประธานกรรมาธิการอีก ขอให้สมาชิกคำนึงถึงคำปฏิญานที่จะทำงานให้ประชาชน ให้วางคนในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ผิดฝาผิดตัว
การตรวจสอบของฝ่ายค้านเวลานี้เริ่มอ่อนแรงแล้ว ยิ่งมีประเด็นเรื่องยุบพรรคเข้ามาอีก สว.ยังมีความกระฉับกระเฉง และการตรวจสอบรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของ สว.ตามรัฐธรรมนูญ พร้อมย้ำว่าตนเองเป็น สว.สีขาว ไม่เหมือน สว.คนอื่นที่อาจจะมองว่าเพิ่มจำนวนกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อแบ่งเก้าอี้กัน ส่วน สว.ชุดที่แล้วซึ่งมีสมาชิกถึง 250 คน แต่ก็มีคณะกรรมาธิการน้อยกว่านั้น คณะกรรมาธิการของ สว. ชุดที่แล้วมีจำนวนพอดี หรืออาจจะน้อยเกินไปด้วยซ้ำ แต่ สว. ชุดปัจจุบันมีที่มาหลากหลาย ควรมีโอกาสได้ทำงานในคณะกรรมาธิการที่ตนเองมีความถนัดหรือสนใจ ซึ่งตนเองถือเป็นหัวใจของการทำงานในวุฒิสภา
ขณะที่กรณีของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กลุ่มอิสระ ที่มีประเด็นเรื่องวุฒิการศึกษา จะมีการตั้งกลไกมาตรวจสอบ สว. กันเองหรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์ ระบุว่า ยังไม่ไปถึงขั้นนั้น แต่เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาทุกคนรับฟังความเห็นของประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ขอให้ถึงเวลาก็อาจมีคนเสนอให้ตรวจสอบ เพราะหากปล่อยประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเอาไว้ สภาก็ไม่อาจเป็นที่เชื่อถือได้