POLITICS

‘เฉลิมชัย’ มั่นใจประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงมากกว่าผลโพล

ชี้การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ หลังรัฐบาลโดนรุมเร้า มอง ‘ทักษิณ’ โดนคดี ม.112 ไม่เกินความคาดหมาย

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นะหว่างวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2567 ว่า เป็นการทำพื้นที่ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งและจนถึงตอนนี้ ได้ลงไปพูดคุยกับประชาชนและผู้นำศาสนา รวมถึงอีกหลากหลายกลุ่ม พร้อมยืนยันคำเดิมว่า “มั่นใจว่าจะได้คะแนนเสียงมากกว่าโพลที่ออกมา”

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนก็จะไปทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ที่มั่นใจ แต่เริ่มลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดสงขลาก่อน หลังจากนี้ก็จะไปจังหวัดอื่นๆ รวมไปถึงภาคกลาง ภาคอีสานและภาคเหนือด้วย

สำหรับสถานการณ์การเมืองตอนนี้หลังจากที่นายกรัฐมนตรีถูกร้องเรียนให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ต้องรอคำพิพากษาจากศาลรัฐธรรมนูญว่า จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร อย่าไปคาดเดาล่วงหน้า ถ้าสมมุติว่า เป็นไปในทางร้ายก็คงจะมีการพูดคุยกันใหม่ในรัฐบาล เพราะประเทศไทยยังไงต้องมีรัฐบาล ต้องมีนายกมาบริหาร ถ้าในทางที่ดี ก็คงจะอยู่ที่ผู้บริหาร

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องในคดี ม.112 นั้น ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีอะไรแปลก นายทักษิณถูกสั่งฟ้องจากอัยการสูงสุด ก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติ และวิธีการต่างๆ ตนคาดการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นว่า อัยการสูงสุดจะต้องสั่งฟ้อง คงจะไม่คิดคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดของท่านก่อนหน้า เพราะด้วยเป็นเรื่องของหลักกฎหมาย แต่ผลจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่ศาลวินิจฉัย

ส่วนสถานการณ์การเมืองตอนนี้จะมีปัจจัยอะไรที่จะต้องเปลี่ยนรัฐบาลหรือ จะมีการจับขั้วจับมือกันใหม่หรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่อยากฝากไปบอกนักวิเคราะห์ข่าวทั้งหลายว่า ให้เลิกคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสำรองได้แล้ว การที่เป็นพรรคการเมืองจะต้องพร้อมทั้งการเป็นรัฐบาลและเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่มีพรรคไหนที่ประกาศออกมาแล้ว จะต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวหรือตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างเดียว

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงทำงานร่วมกันอยู่ ซึ่งการทำงานอื่นๆก็ขึ้นอยู่กับอุดมการณ์ ส่วนไหนที่ไปด้วยกันได้ เราก็ทำงานร่วมกันได้ ส่วนไหนที่ไปด้วยกันไม่ได้ เราก็ทำงานร่วมกันไม่ได้ ขณะที่ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่จะพิจารณาในสมัยประชุมวิสามัญนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ในส่วนของคนที่จะไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณ ก็จะต้องมีหน้าที่อยู่ประชุมตลอดจะต้องไม่ติดภารกิจ และจะต้องมีความรู้และมีเวลาจริงๆ

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat