เกษตรกรชาวไร่ยาสูบ ยื่นข้อเสนอรัฐแก้ปัญหายาสูบทั้งระบบ
พร้อมให้ทบทวนอัตราภาษีใหม่ยาสูบใหม่ หลังบุหรี่แพง ทำคนหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน-บุหรี่ไฟฟ้า หวั่นกระทบเกษตรกรฯ ทั่วประเทศ
นายอัจฉริยะ วัฒนาพร ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมยาสูบในประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากการจัดเก็บภาษีที่สูง มีผลให้บุหรี่ถูกกฎหมายแพงขึ้นกว่าเท่าตัว คนจึงหันไปซื้อบุหรี่ผิดกฎหมายซึ่งมีราคาถูกกว่าและหาซื้อได้ง่ายในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายและจำหน่ายในตลาดทั่วไป ทำให้อุตสาหกรรมและผู้ปลูกยาสูบได้รับผลกระทบอย่างมาก
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ปัจจุบันบุหรี่เถื่อนในประเทศไทยมีสัดส่วนสูงขึ้นกว่าร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการใช้ใบยาลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ รัฐบาลควรต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อพิจารณาหาทางใช้มาตรการภาษีและยกระดับการปราบปรามการค้าบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้า ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบทั่วประเทศ
“ตอนนี้อุตสาหกรรมยาสูบในประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอมาก ไม่สามารถแบกรับภาระภาษีใด ๆ เพิ่มเติมได้อีก เช่น ข้อเสนอจัดเก็บภาษียาสูบเพิ่มเติมสำหรับกองทุนอากาศสะอาด ซึ่งภาครัฐเองก็มีกองทุนที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วและสามารถปรับปรุงเงินงบประมาณเพื่อนำมาใช้ดำเนินการด้านอากาศสะอาดได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการจัดเก็บเงินภาษีเพิ่ม” นายอัจฉริยะ กล่าว
ทั้งนี้ ภาคีฯ เห็นว่าการจัดเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์ยาสูบเพื่มเติม นอกจากจะเพิ่มภาระทางภาษีและสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวไร่ยาสูบแล้ว ยังเป็นการทำงานซ้ำซ้อนและทำให้การบริหารการเงินของรัฐบาลขาดประสิทธิภาพและไม่สามารถนำเงินหลวงมาใช้จ่ายในโครงการอิ่นที่จำเป็นในอนาคตได้ เช่น กรณีเกิดภัยภิบัติก็ยากที่จะเอาเงินจากกองทุนอื่น ๆ มาใช้เยียวยาได้
นายปริญญา ต๊ะต้องใจ เกษตกรชาวไร่ยาสูบ กล่าวว่า โครงสร้างภาษีในปัจจุบันทำให้บุหรี่ถูกกฎหมายในประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันได้ รวมถึงปัญหาบุหรี่เถื่อนที่เข้ามาตีตลาดทำให้รายได้ของการยาสูบแห่งประเทศไทยลดลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการใบยาสูบในประเทศและทำให้ชาวไร่ยาสูบมีรายได้ไม่เพียงพอกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังมีแนวทางกำหนดในร่างกฎกระทรวงห้ามผลิตภัณฑ์ยาสูบใส่สารประกอบที่จำเป็นต่อการผลิตยาสูบ ซึ่งจะทำให้ใบยาสูบไทยแข่งขันได้ยากยิ่งขึ้น
“อยากให้รัฐบาลโดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ ทบทวนร่างกฎกระทรวงฯ ที่จะแบนสารประกอบในบุหรี่ ในขณะที่ปัญหาบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถแก้ไขได้ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาสูบทั้งระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบทั่วประเทศ” นายปริญญา กล่าว
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การปรับโครงสร้างอัตราภาษีให้สามารถแข่งขันได้ การงดเว้นการเก็บภาษีสินค้ายาสูบเพิ่มเติมเพื่อจัดตั้งกองทุนใหม่ ๆ และยกระดับการปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง รวมถึงแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนเพื่อให้เกษตรกรชาวไร่ยาสูบไม่ถูกละทิ้ง หากมีการจัดการให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฏหมายเพื่อการจัดเก็บภาษีที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ อยากให้ภาครัฐพิจารณาถึงศักยภาพและโอกาสเพราะอุตสาหกรรมยาสูบสามารถสร้างรายได้มหาศาลให้เศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการปรับโครงสร้างภาษีให้บุหรี่ถูกกฎหมายสามารถแข่งขันกับบุหรี่ผิดกฎหมายได้ เพื่อนำเงินภาษีที่รั่วไหลกลับคืนสู่ระบบ หรืออนุญาตให้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ยังคงใช้ใบยาสูบในประเทศแทนนิโคตินสังเคราะห์ รวมทั้งส่งเสริมการส่งออกใบยาสูบและผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้มหาศาล
“ในเร็ว ๆ นี้ ภาคีฯ จะมีการยื่นข้อเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาแก้ปัญหาเกษตรกรชาวไร่ยาสูบทั้งระบบกว่า 30,000 ครอบครัวใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากจะทำให้อุตสาหกรรมยาสูบของไทยกลับมาแข็งแรง ยังทำให้เกษตรกรยาสูบมีรายได้และอาชีพที่ยั่งยืน โดยที่รัฐยังคงสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยไม่จำเป็นต้องจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม และแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนที่ทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมากได้ ซึ่งภาคีฯ ขอให้รัฐบาลให้โอกาสอุตสาหกรรมยาสูบได้เยียวยาและให้ความสำคัญกับการป้องกันและการปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง” นายอัจฉริยะกล่าว