นายกฯ เปิดงาน “Thailand Winter Festival” รับหน้าหนาวไทย

จัด 7 ประเภทกิจกรรมภายใต้คอนเซ็ปต์ “7 Wonders of Thailand” ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ยืนยัน สามารถเที่ยวภาคเหนือได้แล้วตอนนี้
วันนี้ (29 ต.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดงาน “Thailand Winter Festival” โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะรัฐมนตรี เข้าร่วมงานด้วย
นายสรวงศ์ กล่าวรายงานว่า งาน Thailand Winter Festival จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “7 Wonders of Thailand” เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสกิจกรรมใน 7 หมวดหมู่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วง High Season ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน โดยจะมี Big Event มากมายที่จะเกิดขึ้นตอดช่าง 2 เดือนที่กำลังจะมาถึงนี้
เทศกาล “Thailand Winter Festivals” ที่จัดขึ้นในปีนี้ จะมีความหลากหลายน่าสนใจ และยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อนำส่งประสบการณ์ความสุขช่วงปลายปี โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ใน 7 หมวดหมู่ ดังนี้
1.เทศกาลลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงอันทรงคุณค่า สะท้อนความเป็นไทยอย่างสร้างสรรค์จากอัตลักษณ์ท้องถิ่นบนรากฐานทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจกรรม โดยมีการจัดงานทั่วประเทศ
2.เทศกาล Countdown ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส สู่การส่งท้ายปี
แบบยิ่งใหญ่ตระการตาทั้งการจัดแสดงพลุ และแสง สี เสียง สื่อผสม การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง การแสดงทางวัฒนธรรม ไปจนถึงการขึ้นปีใหม่แบบไทยด้วยการสวดมนต์ข้ามปี และการทำบุญตักบาตร
3.กิจกรรมเชิงกีฬา
4.กิจกรรมด้านวัฒนธรรม นำเสนออัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
5.เทศกาลอาหาร มหกรรมอาหาร ฟู้ด เฟสติวัล
6.เทศกาลดนตรี เพิ่มความคึกคักด้วยกิจกรรมทางด้านดนตรี ซึ่งจะจัดขึ้นในหลายพื้นที่
7.เทศกาลแสงสี (Lighting & Illumination) พบกับมหาปรากฏการณ์แสดง แสง เสียง พลุ โดรน
สุดยิ่งใหญ่ในงาน Vjit Chao Phraya 2024 วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2567 ณ บริเวณสถานที่สำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา
นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาล และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ เชื่อมั่นว่า การจัดงาน Thailand Winter Festival จะสามารถสร้างบรรยากาศของการเดินทางท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่น ความสุข ให้กับชาวไทย และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2568 และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้ทางการท่องเที่ยวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ตลอดจนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป
ด้านนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานว่า วันนี้ประกาศแล้วว่าเป็นวันแรกของฤดูหนาวในประเทศไทย ซึ่งมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่น่าเที่ยวตลอด ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าในฤดูหนาว จะน่าเที่ยวมาก ดังนั้น ต้องทำให้ไทยน่าเที่ยว น่าอยู่ และมั่นใจว่าไทยมีเสน่ห์มากพอ มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ มีอาหารอร่อย เสน่ห์ของเมืองไทยมีมากมาย อยู่ที่พวกเราทุกคนว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไร ให้ประเทศไทยของเรามีเสน่ห์ดึงดูดคนทั่วโลกมาเที่ยว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม ปี 2568 เป็นช่วงที่เราจัดเทศกาลของหน้าหนาวทั้งหมดทั่วประเทศ ไม่ว่าจะไปจังหวัดไหนของประเทศไทย ก็มีที่เที่ยว เช่น ลอยกระทงในจังหวัดต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนกัน เนื่องจากแต่ละภาคก็มีความเป็นพื้นเมืองไม่เหมือนกัน ดังนั้น เทศกาลเดียวกัน แต่เมื่อจัดหลายที่ ก็สามารถหาประสบการณ์จากหลายที่ได้ นี่คือสิ่งที่เรากำลังโปรโมท
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอขอบคุณ การทำงานร่วมกันของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ที่มีส่วนสำคัญทำให้งานได้แบบนี้ได้เกิดขึ้น จะสามารถสร้างรายได้ให้กับคนไทยของเรา ซึ่งเป็นปีที่สองแล้ว และการจัดงานนี้ได้รับความร่วมมือมากมายทุกภาคส่วน
ตอนนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเราพร้อมแล้วที่จะเที่ยวทั่วไทย คนต่างชาติสามารถมาเที่ยวได้ทุกจังหวัดของเรา ไม่ใช่แค่จังหวัดหลักเท่านั้น แต่เมืองรองก็น่าเที่ยว และที่สำคัญ ตนเองขอย้ำว่าภาคเหนือของเรา พร้อมเที่ยวแล้ว ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ที่เคยประสกภัยน้ำท่วม แต่วันนี้เราสามารถจองตั๋ว จองโรงแรม เที่ยวเหนือได้แล้ว
ตนเองขอถือโอกาสนี้ ขอให้พี่น้องรู้ว่า ประเทศไทยของเราพร้อมแล้ว สำหรับการท่องเที่ยวหน้าหนาว และขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ช่วงปีใหม่นี้เดินทางไปไหนขอให้ปลอดภัย ได้กลับมาอยู่กับคนที่เรารัก ใช้เวลากับครอบครัว ขอให้ส่งท้ายปีด้วยความสดชื่น สดใส รวย รวย รวย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินเยี่ยมชมการจัดเทศกาล แสง สี เสียง ภายในงาน ก่อนจะนำคณะรัฐมนตรี เดินมายังตึกบัญชาการ 1 เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)