‘ศิริโชค‘ เผย ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เหตุอุดมการณ์ต่างกัน
ชี้ หากอยู่ต่อคงเป็นอุปสรรคในการทำงานของพรรค บอก ให้ กก.บห.ชุดใหม่ทำในสิ่งที่เชื่ออย่างเต็มที่ สุดท้ายผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้วัด
วันนี้ (29 ส.ค. 67) นายศิริโชค โสภา อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังยื่นใบแสดงเจตจำนงค์ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของพรรคประชาธิปัตย์ และทิศทางของพรรคในขณะนี้ไม่ได้ตอบโจทย์อุดมการณ์ของพรรคที่ผ่านมา จึงมองว่าหากอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์กับพรรคเพราะคนละแนวทางกันจึงตัดสินใจลาออก
นายศิริโชค กล่าวว่าอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า 30 ปี เป็น สส.มา 4 สมัย ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาตลอด แต่วันหนึ่งพอจะออกจากพรรคก็รู้สึกใจหาย ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามให้โอกาสและช่วยเหลืองานพรรคมาโดยตลอด แต่ท้ายที่สุดพรรคมีนโยบายที่ไม่ได้สอดคล้องกับแนวอุดมการณ์
ส่วนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่สามารถมองข้ามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้ว่าพรรคก่อตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร ที่ผ่านมาพรรคทำอะไรมา หากมองข้ามประวัติศาสตร์หลายคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอพรรคประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคที่เคยต่อสู้กันมาตลอด สมาชิกพรรคก็คงรู้สึกไม่สบายใจและผิดหวัง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเพียงองค์ประกอบ เพราะรัฐบาลมาโดยระบอบประชาธิปไตย แต่ประวัติศาสตร์ ของประชาธิปัตย์มันไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ชัดว่าในพื้นที่ภาคใต้ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยอยู่เลย แต่มาวันนี้เราที่ด่าเขามาโดยตลอด แต่กลับไปจับมือกับเขา ทั้งนี้เข้าใจว่าผู้บริหารพรรคที่ได้เลือกเข้ามาจะต้องทำในทิศทางของเขา ก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาทำอย่างเต็มที่ เพียงแต่วิธีของกรรมการบริหารพรรค ต่างกับแนวทางของตนเอง จึงเลือกที่จะออกมาดีกว่า ส่วนจะมีคนลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อีกหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ และคงเป็นคนท้าย ๆ เพราะก่อนหน้านี้มีคนลาออกจำนวนมาก และคิดว่าจะต้องไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองได้มากกว่านี้
ทั้งนี้ จะมีการตั้งกลุ่มการเมืองใหม่สำหรับคนที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ คงตอบแทนคนอื่นไม่ได้ และหวังว่าจะเห็นทิศทางของพรรคที่ดีขึ้น ยืนยันว่าแม้จะลาออกจากพพรค แต่ใช่ว่าจะด่าพรรคเพียงแค่มีความคิดที่ต่างกัน หากอยู่ต่อคงจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของกรรมการบริหารพรรค แล้ววันหนึ่งหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่ ไม่ใช่เป็นพรรคสำรอง
นายศิริโชค กล่าวถึงกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่กำลังจะร่วมรัฐบาลว่า อยากให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาเชื่ออย่างเต็มที่ เพราะสุดท้ายผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้วัดว่าสิ่งที่เขาทำถูกหรือผิด วันนี้ไม่สามารถตัดสินได้ว่าการเข้าร่วมรัฐบาลเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด แต่ตนเองยังยึดมั่นในอุดมการณ์ว่าสิ่งที่ต่อสู้มาตลอดในนามพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ก็จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ผู้บริหารได้ทำงานอย่างเต็มที่