‘วิษณุ’ เชื่อ กฎหมายป้องกันทุจริต 3 ของรัฐบาลจะสามารถป้องกันทุจริตได้
‘วิษณุ’ ยืนยันรัฐบาลเร่งรัดการตรากฎหมาย 3 ฉบับ เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เชื่อว่าจะสามารถป้องกันทุจริตได้
การประชุมวุฒิสภา เช้าวันนี้ (29 ส.ค. 65) มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยได้พิจารณากระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการตรากฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้ตั้งถาม เนื่องจากต้องการทราบนโยบายเร่งรัดการตรากฎหมาย 3 ฉบับ ของรัฐบาล ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม กฎหมายว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐในระบบคุณธรรมตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 76 วรรคสอง และกฎหมายว่าด้วยการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าที่ของรัฐ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทน โดยได้ชี้แจงว่า การจัดทำกฎหมายทั้ง 3 ฉบับนั้น จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ทั้งนี้กฎหมายว่าด้วยการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม คณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ล่าสุดทราบว่าได้ข้อสรุปแล้วและจะยกร่างกฎหมายเพื่อเสนอมายังรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการตรากฎหมายต่อไป
ส่วนกฎหมายว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐในระบบคุณธรรม สำนักงาน ก.พ. เป็นเจ้าของเรื่องและเห็นว่า พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนที่มีอยู่เพียงพอต่อการบังคับใช้แล้ว แต่ในส่วนข้อบังคับที่ยังไม่ครอบคลุมข้าราชการประเภทอื่นเท่านั้น ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะปรับแก้ข้อบังคบหรือจัดทำกฎหมายกลางขึ้นมาใช้ เช่นเดียวกับกฎหมายว่าด้วยการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าที่ของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายอยู่แล้ว
ดังนั้น ป.ป.ช. จึงจะพิจารณาปรับแก้ไขพระราชบัญญัติที่มีอยู่เพื่อให้ข้าราชการชั้นกลางและชั้นผู้น้อยยื่นบัญชีทรัพย์สินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ อย่างไรก็ตาม หากแม้กฎหมายทั้ง 3 ฉบับ จัดทำไม่ทันรัฐบาลชุดนี้สามารถใช้กฎหมายอื่น คือ พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ.2562 ใช้บังคับไปก่อน ซึ่งกฎหมายนี้มีอำนาจให้ข้าราชการแต่ละประเภทจัดทำประมวลจริยธรรมของหน่วยงานได้ ซึ่งมีจัดทำแล้ว 22 ฉบับ ที่ครอบคลุมบุคลากรของรัฐทุกประเภทและเชื่อว่าจะสามารถป้องกันทุจริตได้
รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ภาครัฐไม่ได้ละเลยการขับเคลื่อนกฎหมาย 3 ฉบับ และแม้คณะกรรมการปฏิรูปด้านต่างๆ จะสิ้นสุดในปีนี้ แต่ยืนยันเมื่อจัดตั้งใหม่ก็จะสานต่อแผนปฏิรูประเทศต่อไป