‘ชลน่าน’ ยัน ‘เพื่อไทย’ ไม่ถอนตัวจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หนุน ‘พิธา’ เป็นนายกฯ

‘ชลน่าน’ ยัน ‘เพื่อไทย’ ไม่ถอนตัวจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หนุน ‘พิธา’ เป็นนายกฯ คนที่ 30 ให้ได้ ชี้ ไม่มีดีลลับ ย้ำชัด ไม่มีวันทรยศพี่น้องประชาชน เผย หารือร่วมพรุ่งนี้ เน้น ทิศทางการทำงานร่วมกัน เร่งพูดคุยภายใน และยุติให้เร็วที่สุด เพื่อลดความกังวลของประชาชน
วันนี้ (29 พ.ค. 66) ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อข้อเรียกร้องของกลุ่ม FC เพื่อไทย และกรณีดีลลับ
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณี เอฟซี พรรคเพื่อไทยนำโดย นายนิยม นพรัตน์ ได้มายื่นหนังสือข้อเสนอต่อพรรค คณะกรรมการบริการได้พิจารณาเรื่องนี้ ในข้อเรียกร้อง 5 ข้อ โดยข้อแรกการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทยโดยคณะกรรมการบริหารมีมติชัดเจนว่าจะยอมรับความต้องการของประชาชน ถือเป็นมติมหาชนกว่า 25 ล้านเสียง ที่เลือกพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยมาเป็นตัวแทนของประชาชน ที่มุ่งหวังให้มีรัฐบาลจากฝ่ายเสรี ประชาธิปไตยเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของฝ่ายเผด็จการ
ขอยืนยันว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล และพรรคอื่น ๆ และสนับสนุนนานพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้ ส่วนประเด็นอื่น ๆ เราดำเนินการตามข้อเรียกร้องอยู่แล้ว ส่วนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับพี่น้องประชาชนก็มีการทำร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเรียกร้องที่หากพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ให้พรรคเพื่อไทยรวมเสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลต่อเพื่อผลักดันนโยบายให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไปนั้น ขอยืนยันในเจตจำนงข้างต้น คือทำตามแนวทางที่กำหนดไว้ให้เป็นไปได้ ขออนุญาตรับฟังและดูสถานการณ์ โดยขณะนี้มีความมุ่งมั่นว่าจะต้องจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมอื่น ๆ ให้ได้
นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า ประเด็นถัดมาเรื่องดีลลับที่มีการเปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการดีลลับกับพรรคฝั่งตรงข้าม และผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธ ตั้งแต่หลังเลือกตั้งมา เราไม่เคยมีดีลลับใครเลย ซึ่งมีแค่ดีลที่เปิดเผยกับพี่น้องประชาชน คือการลงนาม MOU กับ 8 พรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันเท่านั้น ถ้าอยากทราบเรื่องดีลลับ ก็ต้องไปถามคนที่นำเสนอว่าเป็นดีลลับ แล้วทำไมถึงรู้ได้ พรรคเพื่อไทยไม่รู้จริง ๆ และจนใจที่จะตอบ
นายแพทย์ชลน่าน ระบุอีกว่า ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้ไปดูฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ ในแมตช์สุดท้ายของเลสเตอร์ซิตี้ ที่ทางนายเศรษฐามีความผูกพันมากกับเจ้าของทีมนั้น ก็ประกาศมาเป็นเดือนแล้วว่าจะต้องไปให้กำลังใจในนัดสุดท้าย ซึ่งรายละเอียดที่เป็นกระแสก็มีการนำเสนอข้อมูลเสมือนว่ามีดีลลับ เพราะในเนื้อข่าวมีการระบุว่าไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยด้วย และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือสิ่งที่นายเศรษฐา ทวีสินเผยแพร่ลงทวิตเตอร์
“ลักษณะของนายเศรษฐา เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน และการที่ไปอังกฤษก็ประกาศมาเป็นเดือนแล้วว่าจะไป ซึ่งการดูฟุตบอลก็เป็นสิทธิเสรีภาพของคนที่ชอบดูฟุตบอล เช่นเดียวกันขออนุญาตปฏิเสธในนามของพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการดีลลับระหว่างนายเศรษฐาและนายอนุทิน” นายแพทย์ชลน่านกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาเผยแพร่ดีลลับลังกาวี นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า จริง ๆ ผู้สื่อข่าวน่าจะไปถามคุณชูวิทย์ เพราะเป็นคนเปิดเผย โดยส่วนตัวผมเอง และในนามพรรคเพื่อไทย เราไม่รู้ไม่เห็นจริง ๆ ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ ย่อมมีความคิดความเห็นที่แตกต่างหลากหลายได้ ส่วนจะมีข้อมูลข้อเท็จจริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง ถ้ามองในมุมบวกที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมืองก็เป็นเรื่องดี ได้มีข้อมูลที่เปิดเผยหลากหลาย แต่ต้องดูว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ และในนามพรรคเพื่อไทยที่ถูกกล่าวหา และยืนยันว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง
“เราไม่มีพฤติกรรมพฤติการณ์ทำอย่างนั้นแน่นอนเราจากพี่น้องประชาชนที่มีคนเลือกมากกว่า 25 ล้านเสียง ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน ประชาชนมีข้อตัดสินชัดเจนว่าไม่เอาเผด็จการ ต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย ทั้งสองพรรคมีจิตสำนึกถึงอาณัติที่ประชาชนมอบให้ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราคือการทำให้เจตจำนงของประชาชนบรรลุ ซึ่งประชาชนมุ่งหวัง และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเห็นรัฐบาลมาจากฝ่ายเสรีประชาธิปไตยเพื่อมาคืนความสุข คืนโอกาสให้ประชาชนที่ทุกข์ทรมานมากกว่า 9 ปี เรื่องข่าวลือ หรือดีลลับมันหักล้างเจตจำนงของพี่น้องประชาชนไม่ได้ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเราไม่มีวันทรยศพี่น้องประชาชน”
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงสาเหตุที่ช่วงนี้พรรคเพื่อไทยโดนโจมตีตลอดเวลา นายแพทย์ชลน่าน มองว่า
เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง เพราะการต่อสู้ทางการเมืองที่ให้ได้มาซึ่งอำนาจจากพี่น้องประชาชนก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะก่อน หรือหลังเลือกตั้ง หรือแม้แต่เป็นรัฐบาลร่วมกันไปแล้วก็ จะมีประเด็นให้เกิดขึ้นตลอดไป เรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาในระบบสังคมประชาธิปไตย ความหลากหลายสิทธิเสรีภาพ และการแสดงความเห็นสามารถเกิดขึ้นได้ เพียงแต่ว่าจะเอาความเห็นเหล่านั้นมาเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองได้อย่างไร
ส่วนการนัดหารือกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค. 66) นายประเสริฐ ระบุว่า จากการประสานงานเบื้องต้นจากเลขาธิการพรรคก้าวไกลการหารือจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับกรอบการทำงานในเรื่องการขับเคลื่อนภารกิจที่มองไว้ในอนาคตแบบไร้รอยต่อ และคงจะได้คุยกันรายละเอียดพรุ่งนี้ในเวลาประมาณ 14:30 น.
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงเรื่องการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี หรือโควต้าที่นั่งของแต่ละพรรคจะพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า ตำแหน่งต่าง ๆ ไม่มีหัวข้อระบุไว้ในการหารือพรุ่งนี้ จะเน้นประเด็นที่จัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันในการทำหน้าที่ดำเนินการการเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ทำงานอย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลชุดเดิมหลังจากที่ได้รับตำแหน่งแล้วให้ราบรื่น และรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ในมุมส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรคุยในเวทีกับพรรคตรงนั้น การแบ่งงานมีในกรอบ MOU อยู่แล้ว และเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ และพรรคร่วมที่จะไปพูดคุยกันในรายละเอียดว่าจะแบ่งงานตามวาระงานอย่างไร เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงจะนำมาพูดกันบนเวทีพรรครวม และยังไม่เริ่มคุยกันอย่างเป็นทางการ
“ควรคุยกันในแต่ละพรรคก่อน ไม่งั้นจะไม่จบเพราะสังคมกำลังรอฟัง หากเปลี่ยนไปในมุมลบประชาชนก็ไม่สบายใจ อะไรที่คุยกันได้แล้วจบ ก็นำข้อที่ยุติแล้วมานำเสนอจะดีที่สุด ไม่ควรคุยกันทั้งที่ยังไม่จบ หรือแม้แต่คุยผ่านสื่อก็ไม่ควร ประสบการณ์มีมาแล้ว ตลอด 3 – 4 วันผ่านมาเราก็พยายามลดเงื่อนไขนั้น”
ส่วนเรื่องตำแหน่งประธานสภา นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า คณะทำงานทั้งสองพรรคกำลังประสานงานกันอยู่เช่นเดียวกับตำแหน่งอื่น ๆ ให้ตัวแทนแต่ละพรรคไปพูดคุยว่าเห็นด้วยกับประเด็นที่ฝ่ายเสนออย่างไร เป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ และหลังจากนั้นจะนำกลับมาสู่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อประกอบการตัดสินใจของพรรค และตอบกลับไป
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เรื่องประธานสภาที่เป็นกระแสมาหลายวัน ในมุมของพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ควรจบ และได้ข้อยุติเมื่อใด นายแพทย์ ชลน่าน ตอบว่า เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ และมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ เสมือนต้องการให้เกิดการแตกแยก และไม่จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ถ้ารีบคุยกัน แล้วรีบจบจะดีที่สุด เราพยายามอยู่ พร้อมมั่นใจว่าจะไม่ไปถึงขั้นที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันได้