กรมพัฒนาธุรกิจฯ พร้อมเอาผิดตั้งบริษัทผี-แจ้งที่ตั้งเท็จ ใช้บัญชีม้านิติบุคคล
กรมพัฒนาธุรกิจฯ พร้อมเอาผิดตั้งบริษัทผี-แจ้งที่ตั้งเท็จ ใช้บัญชีม้านิติบุคคลหลอกเอาเงิน ย้ำ เข้มมาตรการกำกับการจดทะเบียนให้รัดกุม
วันนี้ (29 ม.ค. 68) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตามกรณีที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อนิติบุคคลกว่า 1.2 ล้านบาท ว่า เบื้องต้นนิติบุคคลรายนี้แจ้งที่ตั้งสำนักงาน โดยเจ้าบ้านไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน เข้าข่ายเป็นบริษัทไม่มีสถานที่ตั้ง มีความผิดปรับไม่เกิน 20,000 บาท รวมทั้งอาจเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อยู่ระหว่างสืบสวนว่า เข้าข่ายเป็นบัญชีม้านิติบุคคลหรือไม่
ที่ผ่านมา กรมฯ ให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ต้องการประกอบธุรกิจและจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ แต่จากสถานการณ์ปัญหานำชื่อนิติบุคคลไปหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชนโดยเฉพาะการเปิดบัญชีม้า ทำให้กรมมีมาตรการและกำหนดแผนงานที่จะกำกับการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้เป็นไปอย่างรัดกุม ดังนี้
1) อยู่ระหว่างพูดคุยสร้างความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย เพื่อตรวจสอบสถานที่ตั้งนิติบุคคลตามที่ผู้ขอจดทะเบียนได้แจ้งไว้และปักหมุดพร้อมแสดงภาพถ่ายในลักษณะแผนที่ Google Map
2) หากพบว่านิติบุคคลใดมีที่ตั้งไม่ตรงกับที่แจ้งจดทะเบียนจะดำเนินการป้องปรามภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กรมฯ สามารถกระทำได้คือ การระบุหมายเหตุในหน้าหนังสือรับรองนิติบุคคลว่า “ไม่มีสถานที่ตั้งจริง” เพื่อเป็นการเตือนให้ผู้ที่ต้องการจะทำธุรกิจด้วยต้องพึงระมัดระวัง
3) มาตรการป้องปรามบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินที่ปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อ HR-03 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะต้องมาแสดงตัวต่อหน้านายทะเบียนเท่านั้น หากไม่ปฏิบัติตามนายทะเบียนจะปฏิเสธและไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568
4) ร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการขยายผลเอาผิดและบังคับใช้กฎหมายกับผู้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานในเรื่องสถานที่ตั้งนิติบุคคล
ทั้งนี้ การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล มีขั้นตอน ดังนี้
1) จัดทำคำขอพร้อมเอกสารประกอบมายื่นต่อนายทะเบียน
2) นายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง หากถูกต้องครบถ้วนก็รับจดทะเบียนฯ โดยหลักเกณฑ์การจดทะเบียนในปัจจุบันไม่มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่ตั้งก่อนการรับจดทะเบียนและกฎหมายไม่ได้ห้ามที่หลายนิติบุคคลมีสถานที่ตั้งเดียวกัน
อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาคำขอจดทะเบียนจะมีการตรวจสอบเลขรหัสประจำบ้านกับฐานข้อมูลของกรมการปกครองว่าเป็นข้อมูลที่ตรงกันกับบ้านเลขที่ดังกล่าวจริง โดยในส่วนว่าเจ้าของบ้านจะทราบและยินยอมให้ใช้เป็นที่ตั้งนิติบุคคลหรือไม่นั้น ผู้ขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลจะเป็นผู้ยืนยันและรับผิดชอบข้อเท็จจริงดังกล่าวเอง หากเป็นการแจ้งเท็จก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
จากปัญหาการใช้บัญชีม้านิติบุคคลและสถานที่ตั้งอันเป็นเท็จในการหลอกลวงประชาชนดังกล่าว กรมฯ เตรียมเพิ่มมาตรการเพื่อตรวจสอบสถานที่ตั้งและเรียกเอกสารยินยอมจากเจ้าของสถานที่ตั้งนิติบุคคล เพื่อปิดช่องว่างการที่มิจฉาชีพนำที่อยู่ของผู้อื่นมาสวมทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล