‘ณัฐวุฒิ’ เข้าทำเนียบประชุมคณะทำงานที่ปรึกษาของนายกฯ ยืนยัน พร้อมทำงานเต็มที่
ชี้ ยังไม่มีมวลชนเคลื่อนไหวใหญ่ โยนสภาฯ-พรรคการเมือง หาทางออกนิรโทษกรรม ชี้ ไม่ควรสร้างเงื่อนไขเพิ่มความขัดแย้ง มุ่งเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ย้ำ มีเหตุผลในการรับตำแหน่ง แต่แนวคิด การเดิน อาจเปลี่ยนตามสถานการณ์ ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ บอกกลับมาทำเนียบในรอบกว่า 10 ปี ยังคิดถึง ‘เจ๊ยุ’ นักข่าว ผู้ชี้แนะในอดีต
วันนี้ (28 ต.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่ได้มาพบกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่เข้ามาประชุมกับคณะทำงาน และจะทำหน้าที่ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ติดตามสถานการณ์ทางการเมือง และความเคลื่อนไหวอื่น ๆ โดยทำงานร่วมกับคณะทำงานชุดต่าง ๆ ส่วนเรื่องกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้อง หรือประสบความเดือดร้อนจากการดำรงชีพต่าง ๆ ก็มีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในการทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่
สำหรับการประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ความเคลื่อนไหวมีต่อเนื่องตั้งแต่ยุคของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ แต่การชุมนุมขนาดใหญ่หลักหมื่นหลักแสนคนที่มีการปักหลักชุมนุมเป็นเวลานาน เข้าใจว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีหน่วยงาน หรือกลุ่มติดตามความเคลื่อนไหวเป็นกรณีพิเศษ เรายังเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และมุ่งเน้นการผลักดันผลงาน ผลักดันการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีการนิรโทษกรรมที่มีความเห็นต่างจนอาจเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวทำให้กระทบต่อรัฐบาลว่า ต้องแยกเป็นสองส่วน
1.ส่วนที่พรรคการเมืองทุกพรรคเห็นตรงกัน ไม่มีข้อโต้แย้ง คือ การเห็นชอบว่าควรออกกฏหมายนิรโทษกรรมเป็นเครื่องมือในการลดความขัดแย้งทางการเมือง
2.ส่วนที่เห็นต่าง คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะออกมาครอบคลุมกฏหมายข้อใดบ้าง อย่างมาตรา 112 ที่ขณะนี้ยังมีข้อเห็นต่างกันอยู่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในชั้นนี้สภากำลังจะปิดสมัยประชุม และคาดว่าจะมีการพิจารณากฎหมายนี้สมัยประชุมหน้า ช่วงเวลาที่ว่างเว้นพรรคการเมืองต่าง ๆ ตลอดจนภาคประชาชนจะปรึกษาหารือกัน และต้องไม่ไปขยายความขัดแย้งเพิ่ม หากจะพูดคุยกันอย่างพรรคเพื่อไทย กรรมการยุทธศาสตร์และกรรมการบริหารภาคจะหารือว่าจะหารือกันเพื่อหาข้อสรุปว่าจะมีร่างออกมาประกบหรือไม่ ก่อนจะนำไปหารือกันในสภาต่อไป สำหรับจุดยืนของตน ยังยืนยันจุดยืนเดิม เตือนใจว่าเวลาที่เหลืออยู่ข้อขัดแย้งต่าง ๆ ที่แต่ละฝ่ายคิดไม่เหมือนกัน น่าจะมีเวลาในการหารือ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า การไม่ไปเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป็นเรื่องหลักที่ทุกรัฐบาลต้องยึดถือปฏิบัติ จะสังเกตเห็นว่าตั้งแต่รัฐบาลอดีตนายกฯ เศรษฐา จนถึงรัฐบาลแพทองธาร ไม่มีท่าทีทำนองนี้ และเรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาลคือ การพยายามผลักดันนโยบาย หรือเนื้องานในการแก้ปัญหาให้ประชาชน ส่วนความขัดแย้งทางการเมืองมีความละเอียดอ่อน ให้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองและสภาฯ ว่ากันไป ในการแสดงออกกันด้วยท่าทีและเวทีที่เหมาะสม
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ยังไม่มีโอกาสพูดคุยกับ นายแพทย์เหวง โตจิราการแกนนำ นปช.อย่างเป็นทางการ แต่ยืนยันว่ามีเหตุผลในการตัดสินใจเข้ามา แน่ใจว่าความเป็นตัวตนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วิธีการคิด วิธีการเดิน อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างตามสถานการณ์ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงโครงการดิจิทัล วอลเล็ตและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังรีบดำเนินการอย่างเต็มที่ ยังมีเวลาทำงานเกือบ 3 ปี ซึ่งประเด็นดังกล่าวที่มองว่ายากอาจจะคลี่คลายง่ายขึ้น การทำงานในรัฐบาลผสมไม่มีอะไรเดินหน้าไปได้ด้วยก้าวใหญ่ ๆ เพราะยังมีเรื่องที่เห็นต่าง จึงเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องหาข้อสรุปร่วมกัน เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจจะเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล ความรับผิดชอบทั้งหลายก็ต้องทำให้เต็มที่ ส่วนจะปรากฏผลงานที่ชัดเจนหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้นายณัฐวุฒิต้องเข้ามาให้สัมภาษณ์ภายในห้องสื่อมวลชนหรือรังนกกระจอก ซึ่งมีภาพถ่ายของ นางยุวดี ธัญญสิริ สื่ออาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล ที่เสียชีวิตแล้วติดไว้บริเวณผนังห้องทำงานของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายณัฐวุฒิได้ยกมือไหว้รูปถ่าย พร้อมกล่าวว่า สมัยเป็นโฆษกรัฐบาลก็มีนางยุวดีเป็นผู้ให้คำแนะนำ รู้สึกจุกอกเพราะมาที่นี่แล้วรู้สึกคิดถึง