‘ศิธา’ ไม่ปิดทาง แต่ไม่ล้ำเส้น ‘ก้าวไกล’ ขับ ‘ปดิพัทธ์’

‘ศิธา’ ไม่ปิดทาง แต่ไม่ล้ำเส้น ‘ก้าวไกล’ ขับ ‘ปดิพัทธ์’ – ฝ่ายค้านทำงานสร้างสรรค์ ยืนยันไม่ได้ค้านรัฐบาลทุกเรื่อง

วันนี้ (28 ก.ย. 66) น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่ อาคารรัฐสภา ถึงกรณีการย้ายสังกัดพรรคของนาย ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 จากพรรคก้าวไกล

น.ต.ศิธา กล่าวว่า เป็นกระบวนการภายในของพรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทยจะไม่ขอออกความเห็น เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัวของนายปดิพัทธ์ว่าอยากจะไปอยู่ตรงไหน ถ้าไม่เข้าใจ แล้วไปพูดล้ำเส้น จะเกิดความแคลงใจกันได้

ส่วนการทำงานในฝ่ายค้าน น.ต.ศิธา กล่าวว่า ก็มีความร่วมมือกัน ตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์จริงๆ ไม่ได้ค้านทุกเรื่อง ทำไปในทิศทางเดียวกัน ถือว่าเป็นส่วนผสมที่กลมกลืนอยู่แล้ว จะมี สส. กี่คนไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ ถ้าจะมาก็ยินดีต้อนรับ แต่ไม่มีความคิดเห็นว่าอยากให้เข้ามาในพรรคหรือไม่

ในส่วนของการแข่งขันกันในวงการตำรวจ ในฐานะที่เคยอยู่วงการนี้ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ทุกๆ เรื่องที่ไม่ถูกต้องก็มีการปรับกันมาเรื่อยๆ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนตัวก็ได้ติดตามอยู่ และเห็นว่าเกิดจากความรู้สึกในมุมมองของตำรวจ 2 กลุ่ม หากมองในแง่บวก ควรนำประเด็นต่างๆ ขึ้นมาแก้ไข อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ควรทำให้ถูกต้อง

น.ต.ศิธา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นประชาชนมองว่าไม่ควรมีการพนันหรือคาสิโนเลยดีที่สุด แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือมี แต่จับฝังไว้ใต้ดิน เพราะฉะนั้น ทั่วโลกเขาตระหนักในส่วนนี้ นำมาทำให้ถูกต้อง แต่ในประเทศไทยยังฝังเรื่องพวกแบบนี้ไว้ใต้ดิน คนไทย 90% สนับสนุนใช้เงินไทย ภาษาไทย พื้นที่ไทย แต่ใช้อาณาจักรเพื่อนบ้านให้คนไทยกระทำผิดกฎหมายไทย และประเทศไม่ได้ส่วนแบ่งหรือได้ภาษี ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องตามเช็ดล้างสิ่งที่รัฐบาลชุดเก่าทำไว้ มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง น.ต.ศิธา ตอบว่า ต้องให้กำลังใจทุกคนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลอยู่แล้ว จะชุดเก่าหรือใหม่ แม้กระทั่งรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่เข้ามาบริหารประเทศเปลี่ยนไปด้านลบค่อนข้างเยอะ แต่อย่างน้อยต้องได้อะไรกลับคืนมาบ้าง ยอมรับว่าความรู้สึก ก่อน-หลัง เลือกตั้ง มีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ซึ่งความไม่ตรงไปตรงมา ประชาชนคิดได้ว่าเลือกตั้งครั้งต่อไป ควรไว้ใจใครหรือไม่อย่างไร แต่ในเมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหาร มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ก็มองว่า รัฐบาลชุดใหม่คือคนที่บริหารเงินของประเทศทุกบาททุกสตางค์ ตนเองมองว่าไม่ได้เป็นการกล่าวโทษแต่อย่างใด เพียงแค่ชี้แนะว่าควรแก้ไขอย่างไร ก็ขอให้กำลังใจ แต่ขอพูด ท้วงติง และตรวจสอบต่อไป