‘ปานเทพ’ หนุนแนวคิด ‘ไพศาล พืชมงคล’ ยกผลการศึกษาวิจัย สถิติคนไทยเลิกเสพยาบ้าลงกว่า 50 %
‘ปานเทพ’ หนุนแนวคิด ‘ไพศาล พืชมงคล’ ยกผลการศึกษาวิจัย ทั้งในและต่างประเทศ ยกสถิติคนไทยเลิกเสพยาบ้าลงกว่า 50 %
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ กระทรวงสาธารณสุข ระบุในเฟซบุ๊ค ส่วนตัว สนับสนุนแนวคิดของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี ได้เคยโพสต์เฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol “ ระบุข้อความว่า “กัญชามายาบ้าหมด ประเทศไทยจะหายจนประชาชนจะหายป่วย” ซึ่งขยันโพสต์ข้อความนี้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
นายปานเทพ ให้เหตุผลประกอบส่วนหนึ่งว่า พบว่าผู้รับเข้าบำบัด “ยาบ้า” ในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้กัญชาสามารถถอนอาการลงแดงจากยาบ้าได้ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Harm Reduction” โดยเฉพาะกรณีศึกษาในประเทศไทย ที่จังหวัดขอนแก่น ของนายพงษ์พัฒน์ นามูลน้อย (ไก่ เดินวนฟาร์ม) ผู้ที่หายจากการติดยาบ้าด้วยการสูบกัญชาและเลิกการใช้กัญชากลับมาเป็นพลเมืองดี และทำให้คนอื่นๆที่ติดยาบ้าสามารถเลิกยาบ้าด้วยการสูบกัญชาทดแทน และสามารถเลิกได้ทั้งยาบ้าและกัญชาในที่สุด
“กรณีศึกษาในประเทศไทยนี้ สะท้อนให้เห็นถึงหลักคิดของ กัญชาที่ใช้เป็นยาอ่อนสามารถนำมาสู่การลดเลิกยาเสพติดที่มีความรุนแรงหรือเพื่อลดปัญหายาเสพติดรุนแรงแบบสมัครใจได้ดีกว่า เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี เฮโรอีน แอลกอฮอล์ บุหรี่ ฯลฯ ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วในหลายประเทศ เช่น แคนนาดา เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา โดยผลการศึกษาวารสารสาธารณสุขของอเมริกัน ชื่อ American Journal of Public Health (AJPH) และงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารกัญชาและสารสกัดจากกัญชาในปีต่อมาชื่อ Cannabis and Cannabinoid Research พบว่าการใช้กัญชาได้ประสบความสำเร็จในการทดแทนกลุ่มประชากรที่ใช้ยาที่รุนแรง โดยเฉพาะ “ยาบ้า” (Metamphetamine) และทำให้ต้องมองกัญชาเป็น “ยุทธศาสตร์” ที่จะนำมาใช้เพื่อลดปัญหาผู้ที่ใช้ยาเสพติดมากขึ้น”
นายปานเทพ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยปีงบประมาณ 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการเปิดให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ มีผู้ป่วยซึ่งเสพติด “ยาบ้า”ได้เข้ารับการบำบัดรักษาทั้งสิ้น 206,444 คน แต่เมื่อกัญชามีการใช้กันอย่างกันอย่างกว้างขวางในปี 2565 ปรากฏว่ามีผู้ป่วยติดยาบ้าลดลงเหลือเพียง 100,454 คน ซึ่งแปลว่ามีผู้ป่วยยาบ้าที่เข้ารับการบำบัดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 “ลดลง” จากปี พ.ศ. 2562 จำนวนมากถึง 105,990 คน คือลดยาบ้าไปแล้วครึ่งหนึ่งหรือคิดเป็นร้อยละ 51.34 ซึ่งสอดรับผลการศึกษางานวิจัยในต่างประเทศเช่นกัน
“นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่แม้ราคายาบ้าซึ่งมีกำลังการผลิตมากขึ้น ต้นทุนถูกลง การขนส่งสะดวกขึ้น แต่การที่ผู้ที่เสพยาบ้าต้องเข้ารับการบำบัดลดลงอย่างมากถึงครึ่งหนึ่งนั้น สะท้อนให้เห็นว่าคนเสพยาบ้าลดลงด้วยอย่างแน่นอน จึงเป็นผลทำให้ยาบ้าซึ่งเคยมีราคาขายเม็ดละ 100-300 บาท ปัจจุบันมีราคาเพียง 10-30 บาทเท่านั้น และถ้ามองการบำบัดสารเสพติดหรือสารออกฤทธิ์ทางจิตประสาทโดยรวม อันได้แก่ ยาบ้า เฮโรอีน กัญชา ฝิ่น ยาไอซ์ สารระเหย กระท่อม ฯลฯ พบว่าเมื่อปี พ.ศ. 2562 นั้นมีประชากรที่เข้ารับการบำบัดทั้งสิ้น 265,177 คน แต่เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2565 ปรากฏว่ามีผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติดทุกประเภทเหลือเพียง 126,014 คน หรือลดลงไปเมื่อเทียบกับปี 2562 มากถึง 138,163 คน หรือลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่งเช่นกัน คิดเป็นร้อยละ 52.23 คน” นายปานเทพ กล่าว