นายกฯ สั่งตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ที่ จ.เชียงราย วางกรอบทำงาน 30 วัน มอบ ‘ธีรรัตน์‘ เป็นประธานอยู่ประจำศูนย์
นายกรัฐมนตรี สั่งตั้ง ศปช. ส่วนหน้าที่ จ.เชียงราย วางกรอบทำงาน 30 วัน มอบ ‘ธีรรัตน์‘ เป็นประธานอยู่ประจำศูนย์ ก่อนสั่งการเร่งด่วน 7 ข้อ วางแผนแก้ไขปัญหา มอบ ’กรมบัญชีกลาง‘ จัดจ้างเอกชน หา อุปกรณ์-เครื่องจักร หากมีไม่เพียงพอ พร้อมกำชับเร่งเยียวยาพื้นที่เชียงราย ภายใน 20 ต.ค.นี้
วันนี้ (27 ก.ย. 67) ภายหลังการประชุมบูรณาการแผนฟื้นฟู และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังจากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคเหนือในปัจจุบัน ที่แม้จะมีการคลี่คลายไปบ้างแล้ว แต่ยังต้องการการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ และใกล้ชิดมาขึ้น และยังต้องมีการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
พร้อมขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และเจ้าหน้าที่ทุกคน อาสาสมัคร ประชาชนที่ช่วยแก้ไขปัญหา สถานการณ์น้ำท่วม ในแต่ละพื้นที่ และขอฝากกำลังใจไปยังพี่น้องชาวหนองคายด้วย
นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ตั้ง ศปช. ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า หรือ ศปช.ส่วนหน้า เพื่อเป็นศูนย์สั่งการ และประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยให้นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน และ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นที่ปรึกษา และให้นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษก ให้ประจำที่หน้างานเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีส่วนกลางช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยให้มีการระดมพลผ่านทางกระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับอาสาสมัคร และหน่วยงานเอกชนต่าง ๆ
ส่วนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เขตอำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอแม่สาย ให้กระทรวงมหาดไทย ให้มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ (zoning) เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประชุมติดตามผลการดำเนินงานและปัญหา อุปสรรค ต่าง ๆ จากหัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบแต่ละโซน ทุกวัน เพื่อรายงานไปยัง ศปช. เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหา ให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ต่อไป โดยทางรัฐบาลขอตั้งเป้าหมายในพื้นที่ที่ได้เริ่มเยียวยาแล้วภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2567 นี้ ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ ขอให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างเร่งด่วน และให้ทุกส่วนราชการให้การสนับสนุนเครื่องจักรเครื่องมือ บุคลากร ในการดำเนินงานโดยรายงานไปที่ศูนย์ ศปช. และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และอธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยทราบด้วย
ทั้งนี้หากในการดำเนินการพบว่าเครื่องจักร เครื่องมือมีไม่เพียงพอ เห็นสมควรให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีการจัดจ้างจากเอกชน เพื่อระดมการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมอบหมายให้ กรมบัญชีกลาง พิจารณากระบวนการจัดจ้างให้เกิดความรวดเร็ว โดยไม่ขัดกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง และสำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณกับหน่วยงาน ดำเนินการ เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้กับประชาชนต่อไป
ส่วนเรื่องของการอำนวยความสะดวกเพื่อซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน ถนน สะพาน เสาไฟฟ้า อ่างเก็บน้ำ ท่อระบายน้ำ ตลอดจนการบริหารจัดการขยะ และโคลน ให้ผ่อนผันเรื่องการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ และที่ราชพัสดุ ที่ส่วนราชการต่าง ๆ ใช้อยู่ เช่น พื้นที่ของกองทัพ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเสนอประเด็นดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับระบบเตือนภัย ขอให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเร่งรัดดำเนินการทั้งในพื้นที่นี้ และพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศที่มีความเสี่ยงให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนปีหน้า
และจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย กรมเจ้าท่า กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย กรมทรัพยากรธรณี กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ วางแผนการแก้ไข ปัญหาระยะกลาง และระยะยาว เช่น การขุดลอกแม่น้ำสายไม่ให้ตื้นเขิน พิจารณา ขยายสะพานหรือท่อระบายน้ำเพื่อมิให้เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ การป้องกันการพังทลายของ ตลิ่งและการจัดทำระบบเตือนภัยและสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาโดยด่วนต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในการจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายให้กับราษฎรฯ โดยเร็วที่สุด รวมถึงมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม ที่ทุกภาคส่วนจะเร่งเสนอต่อ ครม. ต่อไป