อนุทิน ปัด ‘ดีลลับฮ่องกง’ มอง เลือกเลือกนายกฯ ควรจบใน ส.ค.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวแสดงความเห็นในกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกงจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และเป็นการตัดสินใจของท่าน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวลือ ว่านายอนุทินได้เดินทางไปพบนายทักษิณ นั้น นายอนุทิน ถามกลับสื่อมวลชนว่าผมหรือผมอีกแล้วหรือ ก่อนหัวเราะและกล่าวต่อว่าตนยังไม่ได้ออกนอกประเทศไปไหนเลย และช่วงนี้ก็ยังไม่มีโปรแกรมเดินทางไปไหน และเมื่อวานนี้ก็ไม่ได้มีการโทรศัพท์ไปอวยพรวันคล้ายวันเกิดของนายทักษิณแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าตั้งแต่วันเดินทางไปเจรจาหาทางออกประเทศกับพรรคเพื่อไทยได้มีการโทรศัพท์หานายทักษิณแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าไม่ได้คุย คุยแต่กับ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้า และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเท่านั้น เพราะขณะนั้นเราไปในนามพรรคภูมิใจไทย
ส่วนรู้สึกอย่างไรกับการกลับประเทศไทยของนายทักษิณ นายอนุทินกล่าวว่า นายทักษิณเคยเป็นผู้บังคับบัญชา และมีความเมตตากับตนมาโดยตลอด ก็ต้องให้กำลังใจ ซึ่งการกลับเข้ามา นายทักษิณก็พร้อมที่จะดำเนินตามกฎหมายตามกระบวนการ ใครๆก็อยากกลับบ้าน ไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่าเมืองไทย
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลยอมเป็นฝ่ายค้านจะเป็นการคลายล็อคทางการเมืองใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า มันยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้การเป็นแกนนำจะต้องรัฐบาลก็ยังอยู่กับ 8 พรรค โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก คุยอะไรยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรนอกเหนือจากการจากการพบกันเมื่อสัปดาห์ก่อน แล้วขณะนี้เองก็ยังไม่ได้มีการคืบหน้าอะไรต่อ และก็คิดว่าวันนี้จะได้มีการรัฐมนตรีแล้วแต่เขาก็ยกเลิก ตนจึงไม่ได้ไปไหนแล้วช่วงหยุดยาวคงจะพักผ่อน
โดยนายอนุทิน ยืนยันว่า จุดยืนการโหวตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยยังคงเหมือนเดิม เป็นไปตามแถลงการณ์
ส่วนมองว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีจะได้โหวตต่อหรือไม่หรือต้องรอ 10 เดือน นายอนุทินระบุว่า ตนได้รับแจ้งมาว่าจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 3 สิงหาคม ซึ่งแสดงว่าไม่ใช่การประชุมร่วมรัฐสภา ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จึงต้องรอวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ซึ่งตนทราบข่าวว่าจะมีการประชุมรัฐสภาอาเซียน ซึ่งต้องรอรายละเอียดของสภา ส่วนหน้าที่ของตน เมื่อมีญัตติเรื่องนี้มาก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ เช่นเดียวกับ สส. พรรคภูมิใจไทยทุกคน ซึ่งส่วนตัวมองว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีควรจะรีบจบในเดือนสิงหาคม เพื่อให้ประเทศมีความชัดเจน ทั้งในเรื่องนโยบาย และเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ