กลุ่ม สว.สำรอง ร้อง กมธ.ป.ป.ช. สอบ กกต. ละเลยหน้าที่ตรวจสอบฮั้วเลือก สว.

กลุ่ม สว.สำรอง ร้อง กมธ.ป.ป.ช. สอบการทำหน้าที่ ’กกต.-เลขาธิการ กกต.‘ ละเลยหน้าที่ตรวจสอบฮั้วเลือก สว. ด้าน กมธ. เตรียมส่งข้อมูลให้คณะอนุฯ 2 เม.ย.นี้
วันนี้ (27 มี.ค. 68) ที่รัฐสภา กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ยื่นตรวจสอบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ต่อ นายฉลาด ขามช่วง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่งผลให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปโดยไม่สุจริต และเที่ยงธรรม
นายฉลาด กล่าวว่า ตามข้อบังคับ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งและสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งกำลังมีปัญหาอยู่ ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อประชาชน และผู้สมัครว่าเหตุใดการสรรหาของ กกต. ที่อ้างว่าทำตามกฎหมาย ไม่เป็นไปตามความสุจริต และเที่ยงธรรม คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. แม้จะไม่มีอำนาจในการลงโทษบุคคลใด แต่เราจะสืบสวนหาข้อเท็จจริงตามข้อบังคับ และเมื่อได้ความอย่างไรแล้วจะนำส่งรายงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ จะมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการฯ กลั่นกรองภายในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ว่าเกี่ยวเนื่องกับอำนาจของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. หรือไม่ หากเกี่ยวเนื่องจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่างต่อทุกคนว่าเป็นไปตามความคาดหวังหรือไม่
ทั้งนี้ คณะกรรมการธิการ ป.ป.ช. ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน และจะทำให้ทันตามกำหนดเวลาที่มีอยู่ เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว หากยังขาดตกบกพร่องในส่วนไหนก็จะขอเพิ่ม เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่ากระบวนการของประเทศไทยยังอยู่ภายใต้กฎหมาย และอาจจะใช้เวลาในช่วงการปิดสมัยประชุมสภา เพื่อดำเนินการตามมติ
ด้าน พล.ต.ท.คำรบ ยืนยันว่า มีการกระทำการโดยมิชอบหรือทุจริตการเลือก สว.ครั้งนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กกต. และนายแสวงได้รับแจ้งว่าจะมีการนำโพยที่ส่อทุจริตเข้าไป แต่ก็ไม่ได้ทำการแก้ไข เป็นเหตุให้คนส่วนหนึ่งนำโพยดังกล่าวเข้าไปใช้ จนเกิดความไม่สุจริตเที่ยงธรรมตามมาหลายประการ
ทั้งนี้ เราได้ใช้สิทธิ์ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 61 ในการร้องเรียน และคัดค้าน มีการนำพยานหลักฐานไปให้ กกต. มาอย่างต่อเนื่อง แต่ 8 เดือนที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้า มีเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้อ้างว่ามีการฟ้อง และเพิกถอน พยายามติดตามอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ นอกจากคำว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ต่อมาได้ไปร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา เกี่ยวพันกับเรื่องอั้งยี่ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการจนรับเป็นคดีพิเศษ โดยใช้เรื่องการฟอกเงินเป็นคดีพื้นฐาน ขณะนี้ทราบว่า กกต. ตั้งคณะทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อสอบสวนในส่วนที่เป็นความผิดการเลือกตั้ง
ส่วนเหตุที่จำเป็นต้องมาในวันนี้ เนื่องจาก กกต. ยังมีทีท่าอิดออด ไม่พยายามดำเนินการตามกฎหมายที่มี เมื่อทวงถาม และแนะนำกระบวนการทำงาน กลับไม่ได้รับการสื่อสารสองทาง จึงใช้ช่องทางนี้หาความจริงให้ปรากฏอีกส่วนหนึ่งว่า กกต.ทั้งองค์กรไม่แข็งขันเท่าที่ควร ไม่ดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ เวลาที่เหลืออยู่อีกแค่ 3 เดือน กกต. ก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนพอ เกรงว่าจะทำให้เกิดความเสียหายในภาพรวม หวังว่าคณะกรรมการธิการ ป.ป.ช. จะเป็นที่พึ่ง และกระตุ้นให้ กกต. กลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง