POLITICS

นายกฯ ตอบกระทู้สดครั้งแรก ร่ายยาวผลงานปราบคอลเซ็นเตอร์

นายกฯ ตอบกระทู้สดครั้งแรก ร่ายยาวผลงานปราบคอลเซ็นเตอร์ ให้คำมั่นสภาฯ อันทรงเกียรติ รัฐบาลจัดการปัญหาเด็ดขาด ไม่จบ ไม่เลิก

วันนี้ (27 ก.พ. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถามสดของ นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เรื่องปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า ก่อนที่ตนเองเป็นนายกฯ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาที่แพร่หลายในทุกสังคม ทุกกลุ่ม และทุกจังหวัดของประเทศ ส่งผลกระทบไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงทั่วโลก

ตนเองได้รับข่าวสารมากมายว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้หลอกประชาชนอย่างไรบ้าง บางคนหมดเนื้อหมดตัว บางคนจบชีวิตและคิดทำร้ายคนอื่นเพื่อเอาสตางค์มาแก้หนี้สิน เป็นปัญหาต่อเนื่องจนถึงปัญหายาเสพติด จนเกิดปัญหาความไม่สงบสุขอีกหลายประเด็น

เมื่อตนเองเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนเองได้มีการสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันดูแลเรื่องนี้อย่างบูรณาการ เนื่องจากเราไม่สามารถทำได้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง รวมถึงการคุยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอความร่วมมือ ซึ่งจะต้องหารือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล เพื่อหาทางออกร่วมกัน

ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ (AOC 1441) เพื่อเป็นศูนย์กลางบูรณาการการทำงานทั้งหมด ในการรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถระงับบัญชีที่ทำการหลอกลวง หรือบัญชีม้าได้ทันที เพื่อช่วยระงับความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว และมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีมาตรการให้ธนาคารตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ด้วย

สำหรับเรื่องซิมม้าที่มักถูกใช้เป็นเครื่องมือหลักในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ มีการเตรียมมาตรการกำหนดให้ ผู้ถือครองที่สามารถยืนยันตัวตนได้ คนละไม่เกิน 6 หมายเลข และมีการระงับซึมที่ต้องสงสัยว่ามีการใช้งานผิดปกติไปแล้ว รวมถึงมีการติดตามต่อว่ามีการเปิดอีกหรือไม่ นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการตรวจสอบบัญชีสำหรับผู้ที่ใช้โมบายแบงก์กิ้ง ให้มีการยืนยันตัวตนด้วยเช่นกัน หากไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ก็จะถูกปิดไป

ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างรอการร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยสาระสำคัญเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับกำหนดให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบข้อมูลประชาชน หรือคนที่นำไปขายให้กับมิจฉาชีพมีความผิด มีการกำหนดให้ผู้ให้บริการทางโทรศัพท์ ธนาคาร ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ต้องมีบทลงโทษ และรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อบูรณาการกันในทุกส่วน ไม่เช่นนั้น หากรัฐบาลสนับสนุนเรื่องนี้ ตำรวจช่วยกันจับไป แต่ไม่มีใครที่จะรับผิดชอบต่อความเสียหายเหล่านี้ ก็จะไม่เกิดความร่วมมือกันอย่างบูรณาการ

นางสาวแพทองธาร ระบุอีกว่ารัฐบาลยังมีการสั่งการให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานความมั่นคง ในการประกาศซีลพื้นที่ตลอดแนวชายแดน เสริมกำลังทหาร และตำรวจ รวมถึงฝ่ายปกครอง เพื่อเน้นให้เกิดการแก้ไขเข้มข้นมากยิ่งขึ้น มีการจับกุมขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ผ่านแดนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจค้นทำลายแหล่งส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้านแบบผิดกฎหมาย

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ สั่งให้มีการประสานงานกับประเทศอื่น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระหว่างประเทศด้วย ยกตัวอย่างกรณีจีน เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะเกิดความช่วยเหลือแบบไตรภาคี ระหว่างเมียนมา จีน และไทย ซึ่งจีนนั้นก็ได้เสนอความช่วยเหลือเข้ามา และหน่วยงานของเราก็มีความแข็งแรงอย่างมาก จึงขอเพียงความร่วมมือให้ทำงานร่วมกัน ย้ำว่า เราดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่มาก สำหรับผู้ต้องสงสัยที่มีการจับกุมมาได้นั้น เราได้มีการคัดกรอง และส่งตัวเข้ากระบวนการทางกฎหมาย โดยกำหนดกลไกการคัดกรองอย่างเคร่งครัด รวมถึงมีการเก็บข้อมูลแบบไบโอเมทริกซ์ เพื่อนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลติดตามระมัดระวังต่อไปในอนาคต

นางสาวแพทองธาร ย้ำว่าการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลอย่างมากคือ การทำลายฐานที่มั่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างการตัดไฟ หยุดส่งน้ำมัน ในพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-เมียนมา ยืนยันว่า ตนให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และได้มีการสั่งการเพื่อให้เกิดผลโดยทันที ซึ่งตัวเลขที่ปรากฏออกมา ก็ชัดเจนว่ามีจำนวนที่ลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นไปได้ยาก จึงทำให้ต้นทุนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากขึ้น ถือว่ารัฐบาลได้รับความร่วมมือ และทำให้เกิดผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์

นางสาวแพทองธาร ระบุว่าจะกระชับกระทรวงดิจิทัลและ กสทช. ให้ควบคุมซิมม้าอย่างจริงจังมากขึ้น ส่วนการตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และน้ำมัน การขนส่งเชื้อเพลิงและสัญญาณการสื่อสารเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งเมืองชเวก๊กโก ไท่ชาง เคเคปาร์ก เราสั่งตัดสัญญาณต่าง ๆ สถานที่ที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติก็มืดลง ใช้ไฟน้อยลง ก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์และขนคนออกจากสถานที่ ทำให้เห็นว่าอัตราการใช้ไฟฟ้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่การก่อสร้างขนาดใหญ่ ในเมืองเมียวดีก็หยุดลงด้วย

ส่วนกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องหาแหล่งพลังงานทดแทน เท่าที่ทราบมีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากพื้นที่ตอนในของเมียนมามาที่เมืองเมียวดี 119,800 ลิตร ซึ่งซื้อมาในราคาสูง เราได้รับรายงานอีกว่า มีการลักลอบนำน้ำมันเข้าประเทศ เป็นเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งจับกุมได้ 17 ครั้ง ประมาณ 8,000 ลิตร เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามดิ้นรนในการบริหารแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เราได้รับรายงานว่ากลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ บางบริษัทได้ปิดตัวและลดขนาดลง เนื่องจากไม่สะดวกทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว มีการส่งตัวชาวต่างชาติที่ถูกชักชวนไปให้ทำงานผิดกฎหมาย กลับมายังประเทศไทย ไทยก็ช่วยกันส่งกลับประเทศต้นทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.68) กระทรวงกลาโหมได้รายงานว่า จะรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนปัญหาอื่นจะตามมา เคลียร์ไปเป็นรอบ ๆ ทุกวัน ซึ่งทำงานได้ผลอย่างดี ปัจจุบันส่งเหยื่อกลับไปยังประเทศต้นทางประมาณประมาณ 800 คน ทั้งนี้จากตัวเลขคาดการณ์จะมีการส่งเหยื่อกลับ 7,000-10,000 คน เราจึงต้องเตรียมความพร้อม และส่งกลับให้เร็ว

ขณะที่ฝั่งกัมพูชาก็มีปัญหาชายแดน มีข้อมูลว่ามีการย้ายถิ่นฐานหรือทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องดีที่เรามีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.68) ตนเองจะลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อดูว่าสิ่งที่สั่งการไปเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะการรื้อเสาสัญญาณบริเวณชายแดน เพื่อไม่ให้หันหน้าไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน การลดระดับเสาเพื่อไม่ให้ส่งสัญญาณไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงคนไทยอีก

การปราบปรามซิมบล็อก ซึ่งเราต้องพิจารณาว่ามีการส่งสัญญาณข้ามแดนหรือไม่ พบการโทรที่น่าสงสัยมีการโทรเยอะเกินไปก็จะปิดซิม รวมถึงการระงับ Wi-Fi Calling จากประเทศเพื่อนบ้าน การจัดระเบียบผู้ซื้อบริการโทรคมนาคมจากต่างประเทศ จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาต ทั้งยังต้องตรวจสอบลูกค้าต่างประเทศที่น่าสงสัย เช่นโทรมากเกินไปจนผิดสังเกต ตรวจสอบว่ามีการขายสัญญาณต่อให้แก่ผู้กระทำผิดหรือไม่

จากการดำเนินการทั้งหมด สะท้อนว่าสิ่งที่รัฐบาลทำได้ผล เพราะมีมูลค่าความเสียหาย 100 ล้านบาทต่อวัน แต่ ณ ขณะนี้มีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 50 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งก็ยังเยอะมากอยู่ จึงมีความตั้งใจที่จะทำให้ตัวเลขลดลงเรื่อย ๆ หากได้รับความช่วยเหลืออย่างบูรณาการเช่นนี้ เชื่อมั่นว่าคอลเซ็นเตอร์จะหมดไปจากประเทศไทยในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

นางสาวแพทองธาร กล่าวถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่ตกเป็นข่าว นักการเมือง นายทุน และข้าราชการ ขอให้คำมั่นสัญญากับสภาฯ อันทรงเกียรติ ตนเองจะจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังให้ทุกคนมั่นใจว่า ไม่ว่าจะใครก็ตามตำแหน่งสูงใหญ่แค่ไหน หากทำผิดนั่นคือการทำให้ประชาชนคนไทยเดือดร้อน เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ขอให้มั่นใจว่าจะทำเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่

“ดิฉันเคยพูดมาหลายที่แล้วว่า ดิฉันเป็นนายกฯ ของคนไทย ดิฉันต้องดูแลคนไทยก่อนนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดให้ทุกคนมั่นใจว่าเรื่องนี้รัฐบาลเราไม่จบไม่เลิกแน่นอน” นางสาวแพทองธาร ทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat