‘ทักษิณ’ ยัน ไม่มีปฏิญญาเขาใหญ่ ไม่มีคุยเรื่องการเมือง – พลังงาน
‘ทักษิณ’ ยัน ไม่มีปฏิญญาเขาใหญ่ ชี้ ต้องรู้ขอบเขตเพื่อนฝูง ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ ไม่มีคุยเรื่องการเมือง – พลังงาน
วันนี้ (26 ก.ค. 67) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีการพักผ่อนที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ไม่มีการพูดคุยประเด็นการเมืองเลย ก็คุยเล่นกัน สนุกสนาน เพราะเป็นคนที่สนิทสนมกันมา ไม่มีคุยเรื่องการเมือง ก็ร้องเพลงผ่อนคลาย สิ่งที่สำคัญที่สุด ตนเองตั้งแต่เป็นนักธุรกิจ เวลาไปกินข้าว เราก็ไม่มาคุยเรื่องงาน เราคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ เรื่องครอบครัว ถ้าจะคุยงานจริงจัง คือตอนที่มีของหวานมา โดยใช้เวลาไม่นาน สั้น ๆ แต่ครั้งนี้ไม่มีของหวาน เลยไม่ได้คุย
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าแล้วทำไมถึงไม่มีของหวาน นายทักษิณ กล่าวว่า อิ่มก่อน เลยไม่มีของหวาน เลยลืมพูดเรื่องการงาน
ส่วนฝ่ายการเมืองที่มองว่าการพบกันกับ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ผู้บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จะเป็นการฮั้วเรื่องพลังงานหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มี ทุกอย่าง บ้านเรามีกฎมีเกณฑ์ ความเป็นคนรู้จัก หรือเพื่อนฝูง ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่สามารถทำอะไรฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ได้
นายทักษิณ ระบุว่า นายสารัชถ์ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่มานานมาก เมื่อนายอนุทิน รู้ว่าตนเองจะไปเขาใหญ่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร เป็นคนวางแผนเอาไว้ 3 อาทิตย์ล่วงหน้า หลานและลูกไปครบ ก็เลยไป เมื่อรู้ ก็ชวนไปกินข้าวที่ร้านแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท เขาใหญ่ พร้อมเสนอตัวว่าจะเลี้ยงเอง ซึ่งตนเองได้ต่อไปว่า มากันทั้งครอบครัว นายอนุทิน ก็บอกว่า ไม่เป็นไร และปรากฏว่า สส. ในพื้นที่ทราบข่าว ก็เลยมากันหมด
นายทักษิณ ยืนยันว่า ไม่มีปฏิญญาเขาใหญ่ ปฏิญญาทำให้ตนเองวุ่นวายมารอบหนึ่งแล้ว ย้ำว่า ไม่มีอะไรเลย ขอให้คิดว่าแม้ตนเองจะเป็นนักการเมืองเก่า แต่หน้าที่ของตนเอง คือสร้างความปรองดอง เพื่อให้การเมืองแข็งแรง และบ้านเมืองไปต่อได้ มากกว่าที่จะทำหน้าที่อื่น พยายามให้ทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่ที่เคยทำงานร่วมกันมา การที่ตนเองเข้าไปกินข้าว เฮฮาด้วย ก็จะเกิดความสามัคคีกันมากขึ้น จะได้ไม่มีเรื่องเข้าใจผิด เมื่อมีเรื่องเข้าใจผิดกัน ก็มานั่งคุยกัน ก็จบ วันนี้ความสามัคคีของบ้านเราสำคัญ ลำพังแค่การแข่งขันจากต่างประเทศก็หนักแล้ว ถ้าเรายิ่งไม่สามัคคีกัน จะยิ่งไปเลย จึงต้องทำให้เกิดความสามัคคีในชาติให้ได้
