‘ทักษิณ’ แนะแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เชื่อ คดี ‘เศรษฐา’ ชี้แจงได้
‘ทักษิณ’ เผย ห่วงบ้านเมือง พร้อมแนะแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชี้ หลังพ้นมลทินแล้ว ก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ เพราะ แก่แล้ว หมดเวลาทำงาน เชื่อ คดี ‘เศรษฐา’ ชี้แจงได้ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ทราบ กระแสเพลง ‘คิดถึงลุงตู่’ เชื่อ ผลงานรัฐบาล ทำ “เพื่อไทย” กลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งไม่ยาก
วันนี้ (26 ก.ค. 67) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีที่วันที่ 22 สิงหาคมนี้ จะพ้นมลทินแล้ว จะเป็นอย่างไร ว่า ไม่เป็นไร เป็นเรื่องธรรมดา คนเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีมา ก็คิดถึงบ้านเมือง ห่วงบ้านเมือง ห่วงประชาชน มีอะไรที่เราคิดว่าจะต้องแนะนำ ติติงได้ เราก็จะทำผ่านช่องทางทางการเมือง เพื่อให้เขาได้แก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง และไม่มีโอกาสจะรับตำแหน่งอะไรทางการเมืองเพราะตนเองเงินเดือน 700 บาท จะรับตำแหน่งอะไรได้ ส่วนบทบาทในการช่วยเหลือนางสาวแพทองธารนั้น ก็เป็นในฐานะพ่อให้คำปรึกษาลูก
นายทักษิณ ระบุว่า ตนเองไม่ห่วงเรื่องอะไร แต่ห่วงเรื่องบ้านเมือง และเศรษฐกิจ เพราะประชาชนลำบาก ก็จะช่วยกันคิดว่าจะพลิกฟื้นอย่างไรให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ก็กำลังคิดกันอยู่ สถานการณ์ของประเทศตอนนี้ วันนี้ต้องเรียกความเชื่อมั่น เพราะเมื่อขาดความเชื่อมั่น ในระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ความเชื่อมั่น ความเชื่อถือ ความไว้วางใจ เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้น ต้องเรียกกลับคืนให้ได้ หากกลับคืนได้ เงินก็ไหลมาเอง ถ้าไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีความน่าเชื่อถือ เงินก็จะหายหมด และวันนี้ชาวบ้านเป็นหนี้เยอะ เราจำเป็นต้องเสกคาถาเรียกเงินกลับเข้ามาให้ได้
ส่วนการพิจารณาคดีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 สิงหาคมนั้น นายทักษิณ ระบุว่า ไม่น่ามีอะไรเป็นข้อกังวล เพราะนายกรัฐมนตรีทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน เชื่อว่า น่าจะชี้แจงได้หมดทุกอย่าง ซึ่งไม่มีอะไรต้องกังวล คิดว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำ ทำไปด้วยความตรงไปตรงมา และไม่จำเป็นต้องมีแผนสำรอง ตนเองก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แก่แล้ว หมดเวลาทำงาน นอกจากหมดคุณสมบัติแล้วก็หมดเวลาทำงาน มีหน้าที่ให้คำแนะนำ และให้กำลังใจ
เมื่อถามว่ารัฐบาลต้องเร่งเครื่องอะไรหรือไม่ ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น หลังมีกระแสเพลงคิดถึงลุงตู่ ในโซเชียลอย่างมาก นายทักษิณ กล่าวว่า “เหรอครับ ใครเปิด“ ไม่เป็นไรหรอก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เป็นองคมนตรี ท่านไม่กลับมาการเมืองแล้ว อย่าไปทำให้ท่านเสีย ส่วนการเปรียบเทียบเศรษฐกิจทั้งสองยุคนั้น จริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไร น่าจะทำได้อยู่ ตนเองคิดว่า คงพูดเปิดทางด้านแนวทางด้านเศรษฐกิจด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้หันมาดูว่า ประเทศไทยควรจะไปในทิศทางไหน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่เป็นคนมองรอบ และมองแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเรา ยกตัวอย่างเช่น เขากำลังเรียนหนังสืออยู่ เห็นคนจบมาไม่มีงานทำ เขาท้อถอย เห็นคนที่เรียนจบมาแล้วยังไม่มีปัญญาซื้อบ้าน เขาท้อถอย เราจึงต้องหันกลับมาให้กำลังใจเขา เพื่อให้เขาเป็นพลัง ถ้าเขาหมดใจ ก็เป็นพลังให้ประเทศ วันนี้ทุกคนต้องเป็นพลังให้ประเทศ
นายทักษิณ กล่าวถึงแนวทางทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้ง ว่า ตนเองเชื่อว่าหลังจากนี้ รัฐบาลทำไปเยอะแล้ว แต่เมื่อทำไปแล้วปิดไม่ลงตัว จากนี้ไปจะเริ่มทยอยปิดงาน ก็จะเห็นผลงานชัดเจนขึ้น เมื่อการแก้ไขดีขึ้น น่าจะกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง โดยไม่ยากนัก และขอใช้คำนี้ดีกว่า ไม่อยากให้กองเชียร์ต้องกังวล