‘ประเสริฐ’ เผย ควรแก้ MOU เหตุ ‘พิธา’ คงไม่สามารถกลับมาเป็นนายกได้แล้ว
‘ประเสริฐ’ เผย ควรแก้ MOU เหตุ ‘พิธา’ คงไม่สามารถกลับมาเป็นนายกได้แล้ว ชี้ ‘เพื่อไทย’ ไม่ได้เดินสายคุยกับรัฐบาลเก่า หวังยืมมือเพื่อนบีบ ‘ก้าวไกล’ ไปเป็นฝ่ายค้าน
วันนี้ (26 ก.ค. 66) ที่อาคารรัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เเละเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้แจงถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเลื่อนประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ (25 ก.ค. 66) นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังอยู่ระหว่างการทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเจรจากับ สว. ซึ่งขณะนี้ได้เสียง สว. มาพอสมควร เพิ่มเติมจาก 13 เสียงเดิมของพรรคก้าวไกล สำหรับส่วนของพรรคเพื่อไทย มี สว. บางส่วนกำลังพูดคุยและบางส่วนตัดสินใจได้แล้ว หลายท่านยังมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ในขณะเดียวกันก็ได้หารือกับ สส.จากทุกพรรคการเมือง โดยการเลื่อนประชุมรัฐสภาโหวตนายกรัฐมนตรีไปสัปดาห์หน้า จะทำให้มีเวลาในการพูดคุยหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆ มากยิ่งขึ้น
นายประเสริฐ ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับพรรคก้าวไกลจนมองหน้ากันไม่ติด เมื่อวานตนเองได้โทรหา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค พูดคุยเข้าใจกันดีหลายเรื่อง และหากพรรคเพื่อไทยนัดประชุมมาวันไหนอีกก็พร้อมเข้าร่วม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนการเดินสายพูดคุยกับพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม นายประเสริฐ ปฏิเสธและระบุว่า ไม่ใช่การยืมมือเพื่อนบีบก้าวไกลให้ไปเป็นฝ่ายค้าน โดยการพบปะหารือของพรรคเพื่อไทยเป็นไปตามมติของ 8 พรรคร่วมเท่านั้น ไม่มีการตกลงร่วมรัฐบาล หรือเรื่องอื่นๆ เพียงสอบถามความคิดเห็นของแต่ละคนต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้
ขณะที่พรรคก้าวไกลก็ต้องรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว เพราะพรรคเพื่อไทยระบุในที่ประชุม 8 พรรคร่วมว่า จะพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง พร้อมนัดหมายออกสื่อเป็นสาธารณะ ก็ถือว่าทุกพรรคการเมืองรับรู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนข้อเสนอจากบางฝ่ายที่เห็นว่า ควรทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันหรือ MOU ใหม่นั้น หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายประเสริฐ ย้ำว่า MOU 23 ข้อ ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นการพูดคุยจนตกผลึกระหว่าง 8 พรรคการเมือง ขณะที่ MOU ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลมีอยู่ 4 ข้อ ซึ่งทำขึ้นมาภายหลัง
นายประเสริฐ กล่าวว่า หากมีการนัดหมาย 8 พรรคร่วมอีกคงมีการหารือในเรื่องนี้ และมองว่าควรปรับ MOU ให้สอดคล้องกับที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เช่น ในข้อ 1 ที่ว่าด้วยการสนับสนุน นายพิธา เป็นนายกฯ โอกาสคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ส่วนที่พรรคก้าวไกลเสนอให้ที่ประชุมสภาฯ ทบทวนมติเรื่องข้อบังคับการประชุมที่ 41 เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ต้องขอดูเหตุผลของพรรคก้าวไกล และรายละเอียดก่อน
ทั้งนี้ นายประเสริฐ ไม่เป็นห่วงว่าการ เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยจะประสบปัญหาเดียวกับ นายพิธา เพราะแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยมีคุณสมบัติพร้อม และหวังว่าจะโหวตผ่านในการเสนอชื่อครั้งเดียว
กรณีหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน แล้วมีคำสั่งให้ชะลอการโหวตเลือกนายกฯ นั้น นายประเสริฐ มองว่า หากจะมีการนัดประชุมเพื่อเลือกนายกฯ อีกครั้ง ต้องรอคำสั่งจากศาลก่อน โดยยังไม่รู้ว่าเป็นวันใด หากมองจากกรอบเวลา ศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมทุกวันพุธ ซึ่งสัปดาห์นี้คงยากแล้ว ส่วนสัปดาห์หน้าก็เป็นวันหยุดเข้าพรรษา ซึ่งคาดว่า จะมีการนัดประชุมอีกวันที่ 10 ส.ค. 66 แต่ก็ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภา