’อนุทิน‘ ร่วมมือ ทูตอิสราเอล แก้ไขปัญหาชาวยิวบุกรุกอำเภอปาย
’อนุทิน‘ ร่วมมือ ทูตอิสราเอล แก้ไขปัญหาชาวยิวบุกรุกอำเภอปาย แจง มูลนิธิชาบัด ไม่ใช่แหล่งซ่องสุ่มขาใหญ่ สั่งผู้ว่าฯ ตรวจสอบให้ชัดเจน สร้างความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยว – คนไทย ด้าน เอกอัครราชทูต ไม่สบายใจ เจอป้ายห้ามคนอิสราเอลเข้าพื้นที่ เผย มีมาตรการแจ้งนักท่องเที่ยวแล้วให้ปฏิบัติตามวัฒนธรรมไทย ย้ำ ไม่มีใครสามารถยึดครองประเทศไทยได้
วันนี้ (26 ก.พ. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมลงพื้นที่ และประชุมหารือเกี่ยวกับกรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า จากการประชุมหลายฝ่ายได้ข้อสรุปที่ดีมาก ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้เดินทางมาด้วยตนเอง ด้วยความกังวลว่า อาจจะมีความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล และด้วยความกังวลว่าคนไทยจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล วันนี้ลงพื้นที่ได้รับรายงานจากทั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายอำเภอปาย ผู้นำองค์กรท้องถิ่น ซึ่งได้รับการยืนยันจากทุกฝ่ายว่าสถานการณ์ปกติทุกอย่าง นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ มีรายได้เพิ่มเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ส่วนเรื่องความกังวลว่าจะมีการสร้างชุมชนอิสราเอลในอำเภอปาย นายอนุทิน ชี้แจงว่า เป็นการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง อำเภอปายมีประชาชนชาวอิสราเอลตั้งถิ่นฐาน มาแต่งงานกับคนไทยเพียง 20 กว่าครอบครัว ซึ่งเขาก็ดำรงชีวิตอย่างปกติ ในส่วนที่เป็นนักท่องเที่ยว ก็มาท่องเที่ยวทั่วไป อาจจะมีความแตกต่าง ในเรื่องของวัฒนธรรม ท่านทูตอิสราเอลก็จะรับไปทำความเข้าใจว่า มาเที่ยวประเทศไทยควรแต่งตัวควรจะแต่งอย่างไรให้กลมกลืน ผสมผสาน และไม่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจ
นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีการกระทำใดๆ ในเรื่องการก่อการจารกรรม การสร้างเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ไม่มีอย่างแน่นอน ส่วนที่เป็นศาสนสถาน หรือชาบัด ได้จดเป็นมูลนิธิที่ถูกต้อง อยู่ในรั้วรอบขอบชิดไม่ได้ห้ามคนไทยเข้า เป็นสถานที่สาธารณะ แต่ในวัฒนธรรมทางศาสนาของคนอิสราเอลบางคนเคร่งมาก เขาก็จัดให้ชาบัดเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลได้มีที่มาประกอบพิธีทางศาสนา แต่ก็เป็นเรื่องภายในไม่ได้เปิดเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ และไม่ได้มีการขายของเราได้บอกไปแล้วว่าถ้าจะทำแบบนี้ต้องไปจดทะเบียนเป็นภัตตาคารให้ถูกต้องตามระเบียบ ซึ่งเขาปฏิเสธว่าไม่มีวัตถุประสงค์ในการทำเป็นร้านอาหาร แต่เป็นที่ที่ให้คนอิสราเอลที่เคร่งศาสนามาประกอบศาสนากิจ ทุกอย่างก็จบด้วยดี
นอกจากนี้ ในที่ประชุมเน้นย้ำเรื่องการสร้างความสงบ และให้ความเป็นธรรมกับนักท่องเที่ยวทั้งสองฝ่าย และผู้ประกอบการห้างร้านอำเภอปายก็ขอให้ช่วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยววัยรุ่นสั่งอาหาร แต่ชักดาบไม่ยอมจ่าย หาว่าอาหารไม่ถูกต้อง ไม่ถูกปาก ทำไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเบี้ยวก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ได้กำชับเจ้าหน้าที่แล้วว่า ให้ลงสำรวจในพื้นที่ ให้เกิดความเรียบร้อย และความสงบสุข
สำหรับประเด็นดราม่าเรื่องบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีอุโมงค์ เป็นบ่อน้ำที่ให้สตรีชาวอิสราเอลชำระร่างกายเพื่อความบริสุทธิ์ เป็นเรื่องความเชื่อทางศาสนา เป็นบ่อน้ำแน่นอนไม่ใช่อุโมงค์หรือสระว่ายน้ำ ข่าวก็เห็นแล้ว อาจจะต้องทำความเข้าใจ รวมทั้งการติดสติกเกอร์ในที่สาธารณะ ซึ่งเราก็ขอร้องแล้วว่าติดสติกเกอร์ ก็ขออยู่ในที่มิดชิดอย่าติดในที่สาธารณะ ซึ่งท่านทูตอิสราเอลก็ยืนยันรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ใ้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก จะคุยกับผู้คุมหากเป็นเรื่องความเชื่อทางศาสนาวัฒนธรรม ก็ขอให้ดำเนินการในสถานที่มิดชิด ไม่เกิดความกังวลต่อประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า โบสถ์ชาบัดถูกจดเป็นมูลนิธิ แต่ว่าใช้เป็นศาสนสถานผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เขาไม่ได้เป็นวัด เป็นมูลนิธิ ซึ่งมูลนิธิก็รับผิดชอบในเรื่องของอาคาร มีการซื้อขายอย่างถูกต้อง ดูแล้วไม่ได้เป็นที่ที่ห้ามใครเข้า แต่ถ้าเราไม่เกี่ยวข้องเราจะเข้าไปทำไมนอกจากจะเข้าไปดู
ส่วนนอกจากอำเภอปายแล้ว ยังมีพื้นที่อื่นหรือไม่ นายอนุทิน เผยว่า ขอยืนยันว่าไม่มี กระทรวงมหาดไทยยุคนี้ไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เราทำได้ทุกจังหวัด ยืนยันว่าเขาใหญ่ไม่มีโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่จะมาอาศัยความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมาทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ตนให้คำยืนยันว่าเกิดขึ้นไม่ได้ ขาหัก
ด้านนางออร์นา กล่าวว่า รู้สึกไม่ค่อยดี หลังเห็นป้ายห้ามคนอิสราเอลเข้าร้านในพื้นที่สาธารณะหรือร้านอาหาร ทำให้หวนนึกถึงประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับชาวยิว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และวันนี้ได้พบกับ นายอนุทิน และมีความร่วมมือกันที่ดี ซึ่งมั่นใจว่า จะสามารถหาแนวทางหรือทางออกร่วมกันได้ แม้ว่าภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวอิสราเอลในโซเชียลมีเดีย ถึงจะเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ แต่คนไทยก็ให้ความสนใจจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทยประมาณ 300,000 คน/ปี มาท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมและผ่อนคลายกับบรรยากาศธรรมชาติ ในประเทศที่สวยงามเช่นนี้ ในประเทศที่ได้ชื่อว่าดินแดนแห่งรอยยิ้ม
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ยังมั่นใจว่า ภายหลังจากข่าวนี้ออกไป กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจะลดลง และสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลก็จะมาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น
ส่วนมาตราการควบคุมนักท่องเที่ยว ทางสถานทูตได้มีการออกประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอร้องให้นักท่องเที่ยวประพฤติตัวให้เหมาะสมเป็นไปตามวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย ซึ่งประกาศอันนี้กระจายไปทั่วในกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสราเอลในไทยและโซเชียลมีเดียในช่องทางต่างๆ ของสถานทูต ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวรับทราบถึงประกาศอันนี้ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เหมาะสมขึ้นเพราะรู้สึกห่วงใยคนไทย แม้บางครั้งการมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันก็ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดบางอย่าง แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็อยากจะมาพักผ่อนและรู้สึกดื่มด่ำกับบรรยากาศในประเทศไทย ดังนั้นนักท่องเที่ยวก็อยากรู้สึกเป็นที่ต้อนรับและไม่ก่อให้เกิดการฝ่าฝืนหรือละเมิดต่อกัน และขอยืนยันว่านักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลก็มีประเทศเป็นของตนเองไม่ต้องการที่จะยึดครองประเทศไทย เราแค่ต้องการมาท่องเที่ยวเท่านั้นและกลับไปที่ประเทศของเรา
จากนั้น นายอนุทิน ย้ำว่า ไม่มีใครสามารถยึดครองประเทศไทยได้ และเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ก็ย้ำเช่นกัน
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงมาตรการการจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาทิ พฤติกรรมมึนเมาของนักท่องเที่ยว การสูบกัญชา ว่า ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายอำเภอปายไปแล้วให้เร่งดำเนินการ เช่น การออกใบอนุญาต ที่ต้องคำนึงถึงคนในพื้นที่ เพราะ อ.ปายเป็นเมืองสงบ ไม่ใช่ว่าคนมาเยอะจะต้องสูญเสียอัตลักษณ์ไป ตนไม่อยากเห็นเมืองที่สงบ มีวัฒนธรรมดีงาม จะต้องเปลี่ยนรูปแบบไป
ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวในกิจกรรมล่องลำน้ำปาย ทิ้งบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงน้ำนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า สำนึกต้องมี ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ตามที่มาตราการของจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้กำหนดออกมา หากพบว่าท่องเที่ยวทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม เสียหายต่อสาธารณะ ธรรมชาติ ก็ต้องปรับผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน
“การที่จังหวัดออกมาตรการการห้ามนักท่องเที่ยวสูบบุหรี่และกัญชาในพื้นที่ถนนคนเดินปาย ซึ่งเป็นแหล่งพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอปายว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งตามกฎหมายก็ห้ามสูบในพื้นที่สาธารณะอยู่แล้ว”