‘เอกนัฏ’ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอยุธยา พร้อมตรวจพื้นที่ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ลั่นเอาผิดผู้ลักลอบจนถึงที่สุด
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจราชการที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ป้องกันผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและประเทศ
นายเอกนัฏ กล่าวว่า แม้พื้นที่โดยรอบของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยบ้างแล้ว แต่พื้นที่เศรษฐกิจที่มีนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม สวนอุตสาหรรม ยังไม่ได้รับผลกระทบ ขอให้เชื่อมั่นว่าได้เตรียมการรับมืออย่างเต็มกำลัง และมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย
ทั้งนี้ ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำหลากอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วย 8 มาตรการหลัก ได้แก่ จัดการระบบระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ, เสริมคันกั้นน้ำ, ระบบสูบน้ำพร้อมใช้, อุปกรณ์ครบพร้อมช่วยเหลือ, ติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมง, เฝ้าระวังประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง, ซ้อมแผนรับมือเป็นประจำ และสื่อสารแจ้งเตือนผ่านทุกช่องทาง
นอกจากนี้ นายเอกนัฏ ยังลงพื้นที่อำเภอภาชีและอำเภออุทัย เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมใน 2 พื้นที่ คือ
1.โกดังเก็บของเสียและวัตถุอันตราย พบการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมประมาณ 4,000 ตัน ถูกเททิ้งอยู่โดยรอบอาคารโกดังเก็บของเสียอันตราย 5 โกดัง และมีการลอบวางเพลิงเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เกิดปัญหาการแพร่กระจายของมลพิษ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำคันดินป้องกันการรั่วซึม และชะล้างสารเคมีช่วงฤดูฝน ว่าจ้างบริษัทผู้รับกำจัดเข้าทำการบำบัดกำจัดกากของเสียและสารอันตรายในระยะเร่งด่วน ด้วยงบประมาณ 6.9 ล้านบาท เข้าดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2567
2.บริษัท เอกอุทัย จำกัด อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบการเททิ้งของเสียบริเวณหน้าพื้นที่โรงงาน มีร่องรอยการเททิ้งของเหลวที่เป็นวัตถุอันตรายที่มีสภาพเป็นกรดเข้มข้นเต็มพื้นที่บริเวณโรงงาน ปัจจุบันได้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน พร้อมดำเนินคดี และสั่งการให้บริษัทฯ นำกากของเสียและสารอันตรายไปกำจัดและบำบัดให้ถูกต้อง และจัดทำคันดินป้องกันการรั่วซึมและการชะล้างสารเคมีในช่วงฤดูฝน ว่าจ้างบริษัทผู้รับกำจัดเข้าทำการบำบัดกำจัดกากของเสียและสารอันตรายในระยะเร่งด่วน ด้วยงบประมาณ 4 ล้านบาท ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2567
“กระทรวงอุตสาหกรรมจะทำการตรวจสอบกำกับดูแล เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาลักลอบทิ้งกากของเสียจากภาคอุตสาหกรรมเชิงรุกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตรวจกำกับ สั่งการ เพิกถอนใบอนุญาต และขอยืนยันว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดจนถึงที่สุด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
