นายกฯ ไกด์ไลน์กองทัพ ซื้อเครื่องบิน สหรัฐ – สวีเดน ต้องร่วมพัฒนาเทคโนโลยี
นายกฯ ไกด์ไลน์กองทัพ ซื้อเครื่องบิน สหรัฐ – สวีเดน ต้องร่วมพัฒนาเทคโนโลยี สร้างโรงผลิต เป็นการตอบแทน
วันนี้ (25 มิ.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ นายมาร์คัส วอลเลนเบิร์ก ประธานกรรมการธนาคาร Skandinaviska Enskilda Banken (SEB) ประเทศสวีเดน เข้าพบเมื่อวานนี้ ได้มีการพูดคุยเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ (กริพเพน) โดยรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างแบบชดเชย หรือนโยบายออฟเซ็ต (Offset Policy) หรือไม่ ว่า ตนเองเคยเจอกับนายมาร์คัส ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งความจริงเพิ่งรู้ว่า นายมาร์คัสเป็นกรรมการบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของสวีเดน เป็นกรรมการบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำกัด และเป็นกรรมการบริษัทที่เกี่ยวกับการผลิตเครื่องบินกริพเพน ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสวีเดน กับอังกฤษ และยังเป็นกรรมกรรมการบริษัทรถยนต์ อาทิ วอลโว่ ด้วย ซึ่งกลุ่มบริษัทที่นายมาร์คัสดูแลเป็น 40 % ของจีดีพีประเทศสวีเดน โดยได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องเครื่องบินกริพเพนด้วย ว่าถ้าหากเราจะซื้อก็อยากให้มีการมาพัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีและอากาศยานที่ประเทศไทย เช่น การสร้างโรงงานผลิต โรงงานซ่อม โรงงานผลิตชิ้นส่วน เพื่อเป็นการตอบแทนที่เราไปซื้อของเขา ตนเองทราบดีว่าธุรกิจในเครือข่ายของนายมาร์คัสมีเยอะ และปีหน้าจะเดินทางไปเมืองดาวอสอีก จึงอยากจะจัดเป็นฟอรั่มเล็ก ๆ ระหว่างไทยกับสวีเดน เพื่อพูดคุยกับบริษัทที่เกี่ยวข้องในกรพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีอย่างไรต่าง ๆ ร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหากกองทัพอากาศจะเลือกซื้อเครื่องบินกริพเพน ต้องดูรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างแบบชดเชยอย่างที่นายกฯบอก ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินกริพเพนของกองทัพ ขนาดนั้น แต่คือไกด์ไลน์ที่ได้บอกไว้ ว่าถ้าจะซื้ออะไรจากใคร เรื่องนี้ถือว่าสำคัญ อย่างที่ทราบดีว่าสหรัฐอเมริกาถ้าเราจะซื้อเครื่องบินขับไล่ F-16 เขาต้องมาพัฒนาด้านต่าง ๆ ที่ประเทศไทยด้วย เหมือนเป็นการต่างตอบแทน และไม่ได้พูดคุยกับสหรัฐอเมริกา เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง ที่จะต้องไปพูดคุยกันเอง ซึ่งได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผบ. เหล่าทัพทุกคนที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วว่าถ้าจะซื้อต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน