‘ชูศักดิ์’ ย้ำ รัฐบาลจริงใจทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ
‘ชูศักดิ์’ ย้ำ รัฐบาลจริงใจทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ เหน็บ ถ้ามีดีลปีศาลหรือข้ามขั้วจริง คงไม่เปิดโอกาสพรรคอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลแต่เมื่อ ‘ก้าวไกล’ ทำไม่ได้ รัฐบาลนี้จึงเกิดขึ้น
วันนี้ (25 มี.ค. 68) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 26 พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคปะชาชน ที่ระบุว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และกรณีที่มีการกล่าวหารัฐบาลนี้ดีลกับปีศาจหรือดีลข้ามขั้วหรืออะไรก็ตาม หากยังจำได้ตนอยู่ในเหตุการณ์หลังการเลือกตั้งในปี 2566 ที่ผ่านมา เมื่อพรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง เราแสดงความยินดีกับท่าน แต่หากจำไม่ผิดตน น.ส.แพทองธาร และสมาชิกของพรรคเพื่อไทย ได้เดินข้ามตึกของพรรค พท.ไปตึกไทยซัมมิทเพื่อไปแสดงความยินดีกับท่านด้วยเพื่อแสดงให้ว่าเราให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองอันดับหนึ่งได้จัดตั้งรัฐบาล
“เราเป็นพรรคอันดับสอง ไม่แข่งขัน ที่ต้องพูดเช่นนี้เพราะอยากให้เห็นว่าหากเราคิดว่าจะมีการดีลหรือแข่งขัน ตอนนั้นก็ไม่มีข้อห้ามว่าพรรคอันดับสองจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่เราเปิดโอกาส เมื่อเหตุการณ์ก็ผ่านมาและรู้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหา แกนนำพรรคท่านบอกว่าให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รัฐบาลนี้จึงเกิดขึ้น ซึ่งท่านทั้งหลายทราบดีว่ามีความเป็นมาอย่างไร ฉะนั้น ที่บอกว่าการดีลข้ามขั้วหรือดีลกับปีศาจนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เราอาจจะมโนไปเอง ไม่เป็นความจริง“ นายชูศักดิ์ กล่าว
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนแถลงนโยบายเช่นนี้มาก่อน เราเห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ถือเป็นความท้าทายที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปแก้ปัญหา เป็นความร่วมมือที่เราต้องช่วยกันเข้าไปช่วยกันปฏิรูปการเมือง และการแก้ปฏิรูปการเมืองจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะคนที่ร่างรัฐธรรมนูญก็เป็นคนผู้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองด้วย ท้ายที่สุดกฎหมายพรรคการเมืองที่ออกมาก็เป็นคนละเรื่องกับที่เราจะปฏิรูปการเมือง มีแต่จำกัด ควบคุม ยุบพรรคการเมืองหรือใช้อำนาจกำกับดูแลพรรคการเมือง เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงคิดว่าการปฏิรูปการเมืองและประเทศจะทำไม่ได้ หากเรายังมีรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ ฉะนั้น ย้ำว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการปฏิรูปจึงจะเกิดขึ้น
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีความไม่ชัดเจนเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ว่าต้องทำประชามติทั้งหมดกี่ครั้ง ทำให้ล่าสุดเรามีมติของรัฐสภาว่าให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง ซึ่งจะประกบกับกฎหมายประชามติที่ต้องรอ 180 วันพอดี เรามีความจริงใจที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีผลสำเร็จให้ได้
