POLITICS

‘พิชัย’ เห็นด้วย ‘ศิริกัญญา’ เศรษฐกิจไม่ดีมานาน ตั้งเป้า GDP ปีนี้ต้องถึง 3 %

‘พิชัย’ เห็นด้วย ‘ศิริกัญญา’ เศรษฐกิจไม่ดีมานาน ตั้งเป้า GDP ปีนี้ต้องถึง 3 % ลั่น เดินหน้าปฏิรูปภาคเกษตร-พลังงาน เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย Token เสริมสภาพคล่อง

วันนี้ (25 มี.ค. 68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีการปภิปรายของ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โดยระบุว่า ตนเองไม่เถียง และเห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไม่ดีมาอย่างยาวนาน อย่างที่พูดในอดีตว่าเราเคยดี แต่ไม่ใช่ดีเพราะจังหวะดี เพราะความฟลุ๊ค แต่ดีเพราะเรื่องที่เราได้ทำไปในอดีต ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี พืชผลทางการเกษตรก็ไม่ดี การลงทุนอุตสาหกรรมไม่ดีเพราะเราสู้เขาไม่ได้ การลงทุนภาครัฐที่เบิกจ่ายช้า รวมถึงเรื่องการส่งออก

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะบอกว่าไม่ดู GDP คงไม่ได้ เพราะการที่ GDP ดี สะท้อนว่าประชาชนอยู่ดีกินดี มีกำลังซื้อกำลังบริโภค มีการจ้างงาน มีการลงทุนส่วนตัว แม้ปีที่ผ่านมาจะไม่มีความหวังด้าน GDP หากดูเป้าที่ 2.5% จึงตั้งเป้าว่าในปีนี้ จะผลักดันให้ GDP ไม่ต่ำกว่า 3% เราจะไม่ตั้งก็ไม่ได้

ส่วนด้านการเกษตร ไทยส่งออกข้าวจำนวนมาก ซึ่งมากกว่าจำนวนบริโภคภายในประเทศ แต่ราคาขายเกือบเสมอต้นทุน หมายความว่าเราส่งออกโดยไม่มีกำไรเหลือเลย แล้วจะผลิตทำไม ยิ่งส่งออกมากยิ่งแย่ ถ้าราคาเท่ากับต้นทุน ปัจจุบันประเทศไทยผลิตข้าวสารได้ 17 ล้านตันต่อปี บริโภคภายในประเทศประมาณ 11 ล้านตัน เหลืออยู่ 6 ล้านตัน สิ่งที่ต้องทำมีอยู่ 2 อย่าง คือ ปลูกข้าวในสถานที่ที่เล็กลง และนำพื้นที่ที่เหลือไปปลูกอย่างอื่น หากคำนวณคร่าว ๆ จะมีพื้นที่เพิ่ม 12 ล้านไร่

รัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวไปทำอะไร แต่ก็น่าจะเป็นการผลิตพืชผลทางการเกษตรที่ประเทศเคยนำเข้า เช่น ข้าวโพด ที่นำเข้าอยู่ในราคา 8-8.50 บาท ต่อกิโลกรัม หากนำพื้นที่ดังกล่าวมาปลูกจะได้ข้าวโพดประมาณ 1,800 กิโลกรัม/ไร่ ขายได้ประมาณ 16,000 บาทต่อไร่ สิ่งสำคัญคือการทำให้เกษตรกรเข้าใจ ช่วงแรกจะต้องมีการดูแล

สำหรับอัตราค่าไฟฟ้า ยอมรับว่าค่าไฟฟ้าของไทยสูงอยู่ที่ 4.10 บาท ซึ่งราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 3.50 บาท หากดูแล้วเหมือนจะลดไม่ได้ เพราะต้นทุนมาจากโรงไฟฟ้า และค่าเชื้อเพลิง หากไทยมีโรงไฟฟ้ามากเกินความจำเป็น ต้นทุนจะต้องมาถัวเฉลี่ยการคิดค่าไฟทั้งหมด ดังนั้น ถ้ามีการใช้ไฟเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่สามารถขายไฟได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตัวหารค่าไฟเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ปัจจุบันศูนย์ข้อมูล Data Center หลายแห่งต้องการใช้ไฟฟ้า รวมถึงผู้ทำไบโอพลาสติกต้องการไฟฟ้าพลังงานสีเขียว ในเฟสแรกจะยอมใช้ทั้งหมด หมดเฟสที่ 2 อาจต้องเป็นไฟฟ้าพลังงานสีเขียว แต่สิ่งที่จะทำให้ค่าไฟลดลงได้อย่างแท้จริงคือการปรับโครงสร้างของการผลิตไฟจากไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซ LPG เป็นสิ่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า เช่น โซล่าเซลล์ ที่ปัจจุบันมีต้นทุนที่ต่ำลง และคาดว่าจะใช้ต้นทุนไฟฟ้าไม่เกิน 2 บาทต่อหน่วย มองว่าการท่องเที่ยวถือเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ต้นทุนของค่าไฟฟ้าทั้งต่ำลงได้

ส่วนเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำเป็นต้องเติมเม็ดเงินลงไป วันนี้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นถึงในจุดหนึ่ง การใช้ศัพท์คำว่า stable Coin จะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง กระทรวงการคลังไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่ขึ้นมาคู่ขนาน หรือแข่งกับแบงค์ชาติได้ แต่สิ่งที่เราจะทำ อย่างน้อยรัฐบาลกู้หนี้จากประชาชน ปีหนึ่งประมาณแสนล้านบาท ซึ่งปกติจะไปสู่สถาบันการเงิน หรือคนที่มีเงิน คนที่อยากจะซื้อตรงนี้ ต้องเปลี่ยนให้เป็น Token แต่ไม่เป็นเงินใหม่ เนื่องจากเทียบเท่ากัน ยอมรับว่าไม่มีอะไรแปลกเพียงแต่ทำให้การแลกเปลี่ยนง่ายขึ้น ไม่อยากเรียกว่าเงินใหม่ที่รัฐบาลพิมพ์ แต่คือเงินที่ถูกต้อง เสมือนกับที่แบงค์ชาติมีอยู่

เรื่องตลาดหุ้นได้มีการแก้ไขปัญหาความได้เปรียบของนักลงทุนต่างชาติมากกว่านักลงทุนไทยไปแล้ว 80-90% ส่วนการแก้หนี้ ปกติแล้วขั้นตอนโดยทั่วไปคือขอยืดหยุ่น หยุดหนี้จ่ายน้อยลง ทำได้เฉพาะคนที่ยังมีกำลังอยู่ ที่ผ่านมาแก้ไขปัญหาไปแล้วประมาณ 30% แต่คิดว่าเงินที่เตรียมไว้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ใช้ไปเพียงครึ่งเดีชยว เมื่อเรานำหนี้ทั้งหมด 13.6 ล้านล้าน ซึ่งเป็นจำนวนที่สูง ไม่มีเงินซื้อทั้งหมด ในจำนวนนี้มีหนี้ที่ไม่เสียรวมอยู่ด้วย โดยจะเลือกเอาเฉพาะที่เป็นหนี้เสียแล้ว เลือกแต่ลูกหนี้ไม่มีหลักทรัพย์ หรือไม่มีปัญญาแล้ว

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat