‘ชาญวิทย์’ ยกเลือกตั้งผู้ว่าฯ เป็น “การเมืองแห่งความหวัง” ชี้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกำลังเกิดขึ้น
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ มอง 90 ปีปฏิวัติสยาม ผ่านมาไกลแต่อยู่ใกล้ ยกปรากฏการณ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ สะเทือนประเทศเป็น “การเมืองแห่งความหวัง” ชี้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกำลังเกิดขึ้น
วันนี้ (24 มิ.ย. 65) เวลา 14:18 น. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขึ้นกล่าวนำในงาน 90 ปี แห่งการอภิวัฒน์สยาม “อุดมการณ์เพื่อชาติและราษฎรไทย”
“เห็นว่ามีการไปกู้หมุดราษฎรมาวางไว้ แต่ก็เก็บไปอีก เก็บได้ก็เก็บไป ยังไงเราก็ผลิตขึ้นมาใหม่ ผลิตด้วยมือไม่ได้ เราก็ผลิตในใจเราตลอดเวลา” ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เริ่มกล่าวจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันนี้ในการจัดงานของสถาบันปรีดี พนมยงค์
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ กล่าวแนะนำความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ระหว่างเดินทางเข้ามาในมหาวิทยาลัย ท่านอาจไม่ทันคิดว่า ด้านหน้าหอประชุมนี้ มีเสา 6 ต้น คือหลัก 6 ประการของคณะราษฎร น่าแปลกที่เสาทั้ง 6 ต้นนี้สร้างขึ้นพร้อมหอประชุมใหญ่ จากการวางศิลาฤกษ์ครบรอบ 20 ปีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2497
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ ยังกล่าวย้อนไปถึงชีวิตการศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของตนเองว่า ขณะเข้ามาเป็นนักศึกษายังไม่ทราบประวัติศาสตร์คณะราษฎร แต่เมื่อได้ “ตาสว่าง” ขึ้น ก็เห็นว่าควรมีแนวทางการศึกษา 2 รูปแบบ คือ
- การศึกษาแบบประวัติศาสตร์ก่อนหน้า (Long History) ก่อนเหตุการณ์ปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เช่น คำกราบบังคมทูล ร.ศ.103 และกบฏหมอเหล็ง
- การศึกษาการปฏิวัติประชาธิปไตยในเชิงเปรียบเทียบ ทั้งการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ของอังกฤษ การปฏิวัติอเมริกา และการปฏิวัติฝรั่งเศส
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ กล่าวว่า เมื่อ 90 ปีที่แล้วก็เป็นวันศุกร์ แม้เราอยู่ไกลแสนไกลจากคณะราษฎร ไกลแสนไกลจากเรื่องราวของการปฏิวัติ 2475 แต่ปรากฏว่าเราอยู่ใกล้แสนใกล้ในวันนี้ เพราะเกิดปรากฏการณ์ใหม่ “การเมืองแห่งความหวัง” ขึ้นมา เมื่อคุณชัชชาติก็มาด้วยเมื่อเช้า
“ปฏิวัติสยามอาจเป็นเหรียญสองด้าน ที่กล่าวได้ว่าใจร้อนไปหรือเปล่า หรือแท้จริงคือใจเย็นไปหรือไม่ เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการเพียงแห่งเดียวแต่สั่นสะเทือนไปขนาดนี้ แปลว่าสังคมไทยกำลังจะเปลี่ยนอย่างมากมายมหาศาล อย่างแนบเนียน ราบรื่น และไม่เสียเลือดเนื้อแบบในวันที่ 24 มิ.ย. 2475” ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ กล่าว
ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การมองประวัติศาสตร์การปฏิวัติ พ.ศ. 2475 ที่ผ่านมาเป็นการมองประวัติศาสตร์ในแง่ลบ เป็นอคติมาก เราไกลจากเรื่องราวคณะราษฎรมากว่า 90 ปี แต่นึกไม่ถึงว่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากนำเรากลับไปสู่คณะราษฎร กลับไปสู่ 2475 กลับไปนึกถึงหมุดและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผมว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกำลังเกิดขึ้นแล้ว ขอให้คนหนุ่มสาวรักษาชีวิตไว้ แล้วมาเป็นแสงสว่างของชาติและราษฎรไทย
เรื่อง : ณัฐนนท์ เจริญชัย
ภาพ : ศุภสัณห์ กันณรงค์