POLITICS

‘วิโรจน์‘ กล่าวหา นายกฯ ทำนิติกรรมอำพราง ออกตั๋ว PN ให้ครอบครัว ชี้ หนีภาษีโอนหุ้น 9 ปี รวมกว่า 218 ล้าน

วันนี้ (24 มี.ค. 68) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขออภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เข้าชื่ออภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาตรา 151 ว่า มีการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยง “ภาษีการรับให้” มาตั้งแต่ปี 2559 แต่เดิมก่อนที่จะมี “ภาษีการรับให้” การจะโอนหุ้นไปให้คนนั้น จะซุกหุ้นไว้กับคนนี้ ยักย้ายถ่ายเทกันไปมา ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ภาษีสักสลึงก็ไม่ต้องเสีย แต่พอมีการแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากร ในส่วนของ ‘ภาษีการรับให้’ เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 58 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 59 หมายความว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 59 เป็นต้นไป ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(27) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะหรือการให้โดยเสน่หา จากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกิน 20 ล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น หมายความว่าลูกให้แม่ แม่ให้ลูก ถ้าเกิน 20 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษีในอัตรา 5% และในมาตรา 42(28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี จากบุคคล ซึ่งไม่ใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรสจะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท หมายความว่าพี่ให้น้อง น้องให้พี่ ลุงให้หลาน หลานให้ลุง ถ้าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษีในอัตรา 5% เช่นเดียวกัน

วิโรจน์ กล่าวต่อว่า มนุษย์ทั่วไปที่พอจะมั่งมีเสียหน่อย เวลาจะให้ใคร ถ้าไม่อยากจะจ่ายภาษีการรับให้ ก็จะทยอยให้ปีละไม่เกิน 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท ถ้าอยากจะให้ทั้งก้อนตัดจบไปเลย ส่วนที่เกินก็ต้องจ่ายภาษีการรับให้แบบตรงไปตรงมา 5% แต่แทนที่ แพทองธาร ชินวัตร จะทำเหมือนกับที่มนุษย์ทั่วไปเขาทำกัน แพทองธาร กลับมีพฤติกรรมใช้ช่องว่างทางกฎหมายหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้มาตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยเรื่องนี้สามารถแกะรอยได้จากบัญชีทรัพย์สินของแพทองธารที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่าแพทองธารเป็นลูกหนี้อยู่ 9 รายการ มูลค่าหนี้สินรวม 4,434.5 ล้านบาท พอมาดูที่รายละเอียดของเอกสารประกอบ หนี้สิน 9 รายการที่ว่า มูลค่าสูงถึง 4,434.5 ล้านบาท กลับมีเอกสารแนบมาเพียงแค่ 9 แผ่น รายการละ 1 แผ่น ดังนั้น หนี้สินของแพทองธารทั้ง 9 รายการ ที่ระบุเอาไว้ในบัญชีทรัพย์สิน ที่มีเอกสารแนบแค่ 9 แผ่น รายการละแผ่น จึงไม่ใช่หนี้ที่อยู่ในรูปแบบของสัญญาเงินกู้แน่ ๆ แต่เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋ว PN ซึ่งเป็นหนี้สินที่แพทองธารซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่แบบ “ซื้อเชื่อ” แล้วออกตั๋ว PN แทนการจ่ายเงิน

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตั๋ว PN ทั้ง 9 ใบนี้ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีเงื่อนไขสุดว้าวมาก คือจะชำระเงินค่าซื้อหุ้นเมื่อทวงถาม หมายความว่าหนี้สินทั้ง 9 รายการจากการซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ เป็นหนี้สินที่ไม่มีกำหนดว่าแพทองธารต้องจ่ายค่าซื้อหุ้นเมื่อไหร่ ถ้าชาตินี้ไม่มีใครทวงแพทองธารก็ไม่ต้องจ่าย ลืมไปได้เลยว่าเคยเป็นหนี้ เพราะดอกเบี้ยก็ไม่มีใครคิด แพทองธารไม่ต้องกังวลเลยว่าจะต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยอะไร พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ก็เป็นเจ้าหนี้ที่แสนดีมาก ๆ ยอมนอนกอดกระดาษ 9 แผ่น โดยที่ไม่รู้ว่าเงิน 4,434.5 ล้านบาทจะได้คืนวันไหน

อย่างไรก็ตาม ถ้าตั๋ว PN ทั้ง 9 ใบ มีรายละเอียดตามที่ว่า ก็แสดงว่าการซื้อหุ้นของแพทองธารจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ในครั้งนี้ ต้องสงสัยว่ามีการใช้ตั๋ว PN เป็นเครื่องมือในการทำนิติกรรมอำพราง ทำธุรกรรมการซื้อปลอม ตบตาการได้หุ้นจากการให้ เป็นการซื้อหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ที่ต้องจ่ายให้กับแผ่นดิน เป็นพฤติกรรมที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม เม้มผลประโยชน์ของชาติ บ่อนทำลายการพัฒนาประเทศ มาดูตั๋ว PN ทั้ง 9 ฉบับตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทั้งหมดเป็นการออกตั๋ว PN หลังจากวันที่ 1 ก.พ. 59 ซึ่งเป็นวันที่ภาษีการรับให้มีผลบังคับใช้ทั้งสิ้น ตนเองจึงอยากชวนให้ประธานสภาฯ มาดูพฤติการณ์การซื้อหุ้นของแพทองธาร ชินวัตร กันแบบช้า ๆ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป แล้วให้ประชาชนทั้งประเทศมาพิจารณาร่วมกันว่า จริง ๆ แล้วแพทองธาร ซื้อหุ้นหรือได้หุ้นมาจากการให้ของพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่หรือไม่

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat