POLITICS

‘นฤมล’ ประกาศสละสิทธิ์ปาร์ตี้ลิสต์พรรคพลังประชารัฐ ปัดน้อยใจกระแสชื่อหลุด 20 อันดับแรก

‘นฤมล’ ประกาศสละสิทธิ์ปาร์ตี้ลิสต์พรรคพลังประชารัฐ ผลัดใบให้คนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจทำงาน ปัดน้อยใจกระแสชื่อหลุด 20 อันดับแรก ยันไม่คิดย้ายพรรค ไม่มองหน้า ‘วิรัช’ หลังมีกระแสลูกชายได้ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ต้นๆ

วันนี้ (24 มี.ค. 66) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือ อาจารย์แหม่ม นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวประเด็นทิศทางการทำงานการเมือง ประกาศสละสิทธิ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ยืนยันไม่ได้น้อยใจใคร แต่ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ คนตั้งใจทำงานให้พรรคได้มีโอกาสทำงานเหมือนที่ตนเคยได้รับจากกรรมการบริหารพรรคเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ย้ำว่ายังทำงานให้พรรคในฐานะกรรมการบริหารพรรค ยังไม่มีการย้ายพรรค เพราะสำนึกในบุญคุณของพรรคที่ให้โอกาส ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และผู้บริหารพรรคแล้ว ก่อนจะมีการแถลงข่าวในวันนี้

นางนฤมล เปิดเผยว่าการแถลงข่าวครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นัดแถลงข่าวในเรื่องส่วนตัว เกี่ยวกับการทำงานทางการเมืองของตัวเอง โดยระบุว่าพรรคพลังประชารัฐมีผู้มีความสามารถจำนวนมาก ทั้งผู้ที่อยู่กับพรรคมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคและทั้งที่เข้ามาใหม่ ส่วนตนนั้นมีความต้องการทำงานทางการเมืองเพื่อตอบแทนพระคุณของแผ่นดินไทย โดยเฉพาะประชาชนที่เสียภาษีให้เด็กยากจนคนนี้มีโอกาสได้ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ จากการสอบชิงทุนรัฐบาล สำเร็จการศึกษามาเป็นข้าราชการประจำที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เป็นนักวิชาการ ร่วม 23 ปี จนได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นศาสตราจารย์

จนกระทั่ง 5 ปีที่แล้วได้รับโอกาสจาก พรรคพลังประชารัฐเพื่อเข้ามาทำงานทางการเมือง จึงได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งอาจารย์และนำประสบการณ์ที่มีมาสร้างประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้มีพระคุณ ให้กับพี่น้องประชาชนผู้เสียภาษี ส่งเสียให้ตนได้ร่ำเรียนและมีโอกาสดีๆ ในชีวิตจนถึงทุกวันนี้

นางนฤมล ระบุว่า ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ตนได้รับโอกาสจากผู้บริหารพรรคให้ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อในลำดับที่ 5 และเป็นผู้หญิงคนเดียวใน 10 ลำดับของของปาร์ตี้ลิสต์พรรคพลังประชารัฐ โดยไม่เคยไปร้องขอจากท่านใดเลย เป็นความเมตตาของผู้บริหารของพรรคในขณะนั้นทั้งสิ้น ที่เห็นถึงความสำคัญและการทุ่มเททำงานของตน ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2561 และตนยังรู้สึกสำนึกในบุญคุณของผู้บริหารพรรคในขณะนั้นมาโดยตลอด เพราะตนเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง ไม่ใช่เด็กบ้านใหญ่ ไม่ใช่คนที่เคยเป็น ส.ส. มาก่อน

จนมาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ ในปี 2566 ตนเป็นผู้บริหารพรรค จึงอยากเปิดโอกาสให้นักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาทำงานทางการเมือง และอยากเห็นคนใหม่ๆ ได้รับโอกาสเหมือนที่ตนเคยได้รับ อยากเห็นพวกเขาอยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ลำดับต้นๆ คนที่ไม่ใช่เด็กบ้านใหญ่ หรือไม่ใช่คนที่เคยลงรับเลือกตั้ง แต่มีความตั้งใจทำงานให้กับพรรค อยากให้ได้รับโอกาสเหมือนที่ตนเคยได้รับ

“…หากตัวเราเองที่เคยได้รับโอกาส แต่เราไม่เสียสละ คนใหม่ๆคงไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ในอันดับต้นๆ คนที่จะได้เข้าสภาไปทำงานที่เขาทุ่มเทให้กับพรรค แหม่มจึงได้แสดงความจำนงให้กับคณะกรรมการสรรหาและผู้บริหารพรรค ขอสละสิทธิ์การรับพิจารณาอันดับปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามา จึงทำให้คณะกรรมการสรรหาของพรรคจะได้มีการประชุมอีกครั้ง เพื่อจัดอันดับบัญชีรายชื่อของพรรค…” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

นางนฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐถึงเวลาต้องผลัดใบ ให้พลังใหม่เข้ามาทำงานทางการเมือง ครั้งนี้ถือว่าตนได้ผลัดหนึ่งใบ ให้ใบใหม่พลังใหม่ได้ผลิดอกออกผลในพรรคพลังประชารัฐ ครั้งหน้าก็อาจจะมีอีกหลายใบผลัดใบ และจะมีหลายใบใหม่ๆ ผลิดอกออกผลขึ้นมา พรรคพลังประชารัฐเหมือนต้นไม้ ที่ผลัดใบไปเรื่อยๆ และจะเติบโตอย่างเข้มแข็งและสวยงาม เป็นความหวังที่หวังว่าอย่างนั้น

โดยหลังจากนี้ตนพร้อมช่วยงาน รูปแบบอื่นให้กับพรรคพลังประชารัฐต่อไป เพราะยังมีความรับผิดชอบกับแต่ละคนที่ตนได้ชักชวนนำพาเขาเข้ามาในพรรค และยังจะทำหน้าที่เหรัญญิคพรรคต่อไป ยังไม่คิดเรื่องการย้ายไปพรรคอื่น

ส่วนกระแสข่าวว่าเกิดน้อยใจที่อันดับของตนหล่นไปอยู่อันดับ 20 กว่า ยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจ แต่เมื่อมองไปที่ 20-30 อันดับแรก ตนไม่เห็นคนใหม่ที่ตั้งใจและทุ่มเททำงานให้กับพรรคอยู่ในนั้น ถ้าตนไม่ถอยจะไม่เห็นคนใหม่เลย ถ้าตนคิดจะอยู่แต่อันดับต้นๆ ก่อน จึงได้ตัดสินใจและแจ้งต่อหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคแล้ว ตนได้เสนอชื่อคนรุ่นใหม่ไปแล้วประมาณ 3 คน เป็นคนที่ตกหล่นจาก ส.ส.เขต คือทำงานไปแล้ว เดินไปแล้วแต่ไม่ได้ลงเขต และคนที่ตั้งใจทำงานให้พรรค เชื่ออย่างยิ่งว่าการเสียสละครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า และจะทำให้น้องๆ คนรุ่นใหม่ในพรรค มีกำลังใจทำงาน

โดยก่อนการแถลงข่าว นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคเดินทางมาถึงก่อน พยายามสอบถามผู้สื่อข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น ตนไม่ทราบ ไม่รู้เลยว่านางนฤมลจะแถลงเรื่องอะไร จนกระทั่งนางนฤมลเดินทางมาถึงโต๊ะแถลง นายวิรัชได้เข้าไปตีแขนเพื่อปลอบ สอบถามว่าเป็นอะไร แต่ปรากฏว่านางนฤมลไม่มองหน้า นายวิรัช แม้นายวิรัชจะพยายามจับแขน ก่อนที่นางนฤมล จะขึ้นไปปรึกษากับทางพรรค ก่อนแถลงข่าว แต่ปรากฏกว่า นายวิรัช ไม่ได้ตามขึ้นไป โดยผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามว่า เป็นคู่ขัดแย้งกันโดยตรง โดยอ้อมหรือไม่ โดยนายวิรัช ย้อนถามว่าถ้าคนเป็นคู่ขัดแย้ง จะมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ส่วนอาจเป็นเพราะ ลูกชายนายวิรัช ได้ตำแหน่งปาตี้ลิสต์เบอร์ต้นๆ หรือไม่ นายวิรัช ย้อนว่า จ.นครราชสีมามีกี่เขต ลูกชายก็เป็นสัดส่วนของโคราช ส่วนพ่อก็เป็นโควต้าส่วนกลาง จะใช้ก็ใช้ ไม่ใช้ก็ไม่ได้ว่าอะไร

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat