POLITICS

‘ภูมิธรรม’ ยัน ไม่มีปฏิญญาเขาใหญ่ หลัง ‘ทักษิณ’ พาครอบครัวร้องเพลง – ตีกอล์ฟ ร่วม ‘อนุทิน’

วันนี้ (23 ก.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฏภาพ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมครอบครัว เดินทางไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ และร่วมร้องเพลง – ตีกอล์ฟ กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมีปรากฎการณ์หรือดีลการเมืองเกิดขึ้นหรือไม่ ว่า ไม่มีอะไร ถือเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นช่วงวันหยุดยาว ใครว่างก็ไป ใครยังไม่ว่างก็ไม่ได้ไป ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ไป และตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลสื่อสารกัน ประชุมกัน รับฟังความคิดเห็นกันและกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การรับประทานอาหารค่ำร่วมกันระหว่างพรรคร่วม ไม่มีอะไร ไม่มีดีล

เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีปฏิญญาเขาใหญ่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่มีหรอก ปฏิญญาเขาใหญ่ มีแต่ไปตีกอล์ฟ ร้องเพลง ทานข้าวกันธรรมดา

ส่วนที่หลายคนนำไปเชื่อมโยงกับที่นายทักษิณเคยระบุว่า หลังเดือนสิงหาคม สถานการณ์หลายอย่างจะเริ่มดีขึ้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อันนี้ตนเองไม่ได้ยินที่นายทักษิณพูด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เราเร่งรัดทำงาน เพราะสถานการณ์ของประชาชนยากลำบาก เป็นสิ่งที่พูดมาตลอด นานแล้ว อย่างที่บางพรรคเคยบอกว่าสถานการณ์ยังไม่วิกฤติ ก็บอกให้ไปเดินตลาดดู ซึ่งมันก็ปรากฎชัดเจน เราก็พยายามที่จะรีบแก้ไขสถานการณ์ แต่บางพรรคก็ยังทำเฉยชา เล่นแต่การเมืองอย่างเดียว ตีจนเกินเลยไป วิเคราะห์นำไป

ส่วนกรณีปรากฎภาพผู้บริหารของบริษัทพลังงานร่วมตีกอล์ฟกับนายทักษิณ จะทำให้ถูกจับตาว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาเรื่องพลังงานได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เราประกาศชัดเจนว่าเราอยู่ในสังคมซึ่งมีคนหลายส่วน และเราพยายามที่จะดึงความร่วมมือกับทุกฝ่าย มาช่วยกันแก้ปัญหา เรื่องทุนใหญ่ไม่ใช่ประเด็น เพราะนโยบายของเราคือสร้างความสมดุลอยู่แล้ว เช่น กระทรวงพาณิชย์ที่กำลังแก้ปัญหาราคาสินค้า ได้ดึง 30 บริษัทรัฐวิสาหกิจ และบริษัทห้างร้าน มาช่วยกันแก้ปัญหา

นายภูมิธรรม กล่าวถึงช่วงเดือนสิงหาคมจะมีสถานการณ์ที่กระทบต่อการบริหารประเทศหรือไม่ ว่า สถานการณ์รอบด้านในประเทศล้วนมีผลกระทบต่อการเมืองทั้งนั้น จะมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคมมีหลายอย่างที่เกิดขึ้น ที่แต่ละคนคาดเดากันไปว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นการพิจารณายุบพรรคก้าวไกล การพิจารณาตัดสินคดีของนายกรัฐมนตรี ในคดีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี หรือคดีของนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีในคดีมาตรา 112

สิ่งเหล่านี้อาจจะมองได้ว่าทำให้ไม่มีความมั่นใจ หรือไม่แน่ใจว่าผลจะเกิดเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าผลจะเกิดอย่างไรเราต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้น ส่วนจะแก้อย่างไรก็ต้องว่ากันไป เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่ามีหรือไม่มี แต่รัฐบาลไม่อยากเอาปัจจัยเหล่านั้นมาทำให้การบริหารประเทศติดขัด ซึ่งสังคมไทยมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทุกอย่างมีผลกระทบ รัฐบาลพยายามแน่วแน่ มุ่งมั่นทำงานแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจหลักและภารกิจเร่งด่วน

Related Posts

Send this to a friend