POLITICS

‘คำนูณ’ ยัน ‘เห็นชอบ’ ตามเสียงข้างมาก เหตุไม่มีพรรคที่แก้ ม. 112 ร่วมรัฐบาล

‘คำนูณ’ ยืนยัน ‘เห็นชอบ’ ตามเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ชี้ ไม่มี นโยบาย-พรรคการเมืองที่แก้มาตรา 112 ร่วมรัฐบาล ลั่น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนก่อนไม่ยอมถอยเรื่องนี้ แม้ถูกค้าน

วันนี้ (22 ส.ค 66) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายถึงคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน หลังได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ตนเองเห็นควรตัดสินใจให้ความเห็นชอบตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก เพื่อสะท้อนผลการเลือกตั้งทั่วไป และการตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะในการบริหารราชการแผ่นดิน และการกำกับตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน หลังให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ต้องอาศัยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น สว.ไม่มีส่วนเกี่ยวกับข้องด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่า สว.ต้องตัดสินใจให้ความเห็นชอบตามเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเสมอไป สว.ย่อมสามารถใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจให้ความเห็นชอบแตกต่างไปจากเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่ควรจำกัดเฉพาะกรณีที่เห็นว่าสำคัญที่สุดจริงๆ ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น โดยเฉพาะกรณีที่เห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญ และระบอบการปกครองของประเทศ

นายคำนูญ กล่าวว่าการตัดสินใจไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา ตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร ณ ขณะนั้น เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีท่านนั้น และพรรคของท่านยังคงมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เปรียบเสมือนเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์ทางประตูหลัง และเสมือนเป็นการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามมาตรา 112 ทั้งหมดที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทุกระดับทางประตูหลัง ตนเองเห็นว่า เป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญ และระบอบการปกครอง ซึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีท่านนั้นก็ไม่ได้ถอยนโยบายนี้ แม้จะมีเสียงอภิปรายคัดค้านสักเพียงใด

ดังนั้น การให้ความเห็นชอบบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้นั้น เป็นที่ชัดเจนเพราะมีการแถลงต่อสาธารณะว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อ ไม่มีนโยบายที่อาจจะเป็นอันตรายต่อรัฐธรรมนูญ และระบอบการปกครองในลักษณะดังกล่าว รวมถึงไม่มีพรรคการเมืองเจ้าของนโยบายดังกล่าวเข้าร่วมรัฐบาล ตนเองจึงเห็นควรกลับคืนสู่หลักการทั่วไปคือ ตัดสินใจลงมติให้เป็นไปตามเสียงข้างมากของสภาฯ

Related Posts

Send this to a friend