‘ราเมศ’ แถลง ‘ประชาธิปัตย์’ ไม่ร่วมรัฐบาล ‘ก้าวไกล’ ยัน ไม่แก้ไข – ยกเลิก ม.112
‘ราเมศ’ แถลง ‘ประชาธิปัตย์’ ไม่ร่วมรัฐบาล ‘ก้าวไกล’ ยืนยันจุดยืนชัดเจน ไม่แก้ไข – ยกเลิก ม.112 เตรียมประชุม กก.บห. พุธนี้ เผย เลือกตั้งแพ้ ไม่ใช่หยุดทำการเมือง ซัด ‘วิโรจน์’ ก้าวร้าว ด้อยค่าพรรคอื่น
วันนี้ (22 พ.ค. 66) นายราเมศ รัตนะเชวง รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรื่อง ประเด็นทางการเมือง ความสับสนในเรื่องร่วมไม่ร่วมรัฐบาล และประเด็นการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ณ ห้องแถลงข่าวที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์
นายราเมศ ระบุว่าหลังจากที่มีข่าวสับสนเรื่องการร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาลนั้น โดยหลักในทางกฎหมายและหลักข้อบังคับพรรค จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เพราะขณะนี้พรรคยังไม่ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนที่มีข่าวว่ามีผู้ไปเจรจาพูดคุยกับพรรคการเมืองต่าง ๆ นั้นเป็นการบิดเบือนทั้งสิ้น และส่วนตัวมองว่าเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาธิปัตย์
“ด้วยความเป็นสถาบันทางการเมือง จะต้องมีระบบระเบียบในการดำเนินการ ซึ่งในข้อ 96 ตามระเบียบพรรค ระบุชัดเจนว่าต้องพูดคุยกันก่อน ไม่มีใครที่จะสามารถใช้อำนาจคนเดียวไปเจรจาเรื่องดังกล่าวได้ ส่วนอาจมีอดีต ส.ส. แสดงความเห็นในเรื่องการยกมือโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ นั้นเป็นความเห็นส่วนบุคคล”
นายราเมศ ระบุต่ออีกด้วยว่าประเด็นถัดมาคือพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งลำดับที่ 1 จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมพรรคต่าง ๆ หาแนวร่วม ก็เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่เราไม่ไปก้าวล่วง ซึ่งขณะนี้เรามี ส.ส. 24 คน ไม่มีสิทธิ์ทักท้วงคัดค้านที่พรรคก้าวไกลหรือพรรคร่วมได้พูดคุยกัน เรื่อง ม.112 เราไม่ก้าวล่วง ใครจะแก้ไขก็ทำตามอำนาจของพรรค แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่มีจุดยืนชัดเจนว่าจะอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก ม.112 โดยการยื่นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื้อหาก็บอกว่าแก้ไข แต่เนื้อความข้างในระบุชัดเจนว่าให้มีการยกเลิก ม.112 จากเอกสารการแก้ไขแผ่นแรกมาตรา 4 ผมมองว่าโดยตัวกฎหมายไม่สามารถทำร้ายใครได้ หรือดำเนินคดีกับใครได้ นอกเสียจากพฤติกรรมของผู้ที่กระทำความผิดเข้าข่ายว่าผิดกฎหมาย”
ทั้งนี้ นายราเมศ ยังระบุอีกว่าพรรคก้าวไกลมีความพยายามเสนอเรื่องการแก้ไขหลายครั้ง ซึ่งถ้าดูจากระยะเวลาในการยื่น การยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติม ไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 28-29 พ.ศ. 2555 ที่ระบุไว้ว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
“พรรคก้าวไกล ถ้าจะทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เราไม่ก้าวล่วง แต่ต้องมาต่อสู้กันในสภา สมาชิกของเราจะติดตามเรื่องนี้ ขอให้โชคดีในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เต็มที่ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะกลับมาเข้าสู่กระบวนการ เมื่อนายจุรินทร์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค ตามกลไกพรรคต้องเลือกหัวหน้าพรรคมาใหม่ ซึ่งจะมีการนัดพูดคุยกันวันพุธที่ 24 พ.ค. 66 ที่ทำการพรรค ในเวลา 10:00 น.”
นายราเมศ กล่าวถึงประเด็นการล็อคตำแหน่งหัวหน้าพรรคไว้ให้ใครคนใดคนหนึ่งนั้น ยืนยันว่าเรามีคนที่มีความสามารถที่พร้อมช่วยฟื้นฟูพรรค การแพ้เลือกตั้ง ไม่ใช่ว่าต้องปิดพรรค ตลอดเวลา 77 ปีที่ผ่านมา แม้พรรคมีโนบายที่ไม่หวือหวา แต่ยั่งยืน เราจึงไม่สามารถหยุดทำกิจกรรมทางการเมืองได้
“เรื่องการแพ้เลือกตั้งครั้งนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้โจมตีประชาธิปัตย์หลายครั้ง จะด้อยค่าดูถูกกันทำไม ผมคิดว่าพ่อแม่เขาคงมีการสั่งสอนมาดี แต่ตัวนายวิโรจน์เองคงมีสันดานดิบ ก้าวร้าว ด้อยค่าพรรคอื่น และไม่ได้เรียกร้องให้แก้ไขนิสัยนี้ เพราะตอนแถลงข่าวก็เป็นแบบนี้บ่อยครั้ง ส่วนพรรคเราจะทำการเมืองอย่างสุจริตต่อไป และจะกลับมาอีกครั้ง”
ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการจับมือพรรคเพื่อไทย นายราเมศระบุว่ายืนยันว่าการจับมือกับพรรคเพื่อไทย ไม่เป็นความจริง และพรรคมีจำนวน ส.ส.ในสภามีแค่ 24 คน ไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก็จะทำให้เต็มที่ ซึ่งเมื่อเข้าไปในสภาแล้ว จะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นฝ่ายค้านในสภาหรือไม่ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต