POLITICS

‘ไพบูลย์’ ชี้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ต้องไม่ถูกเตะถ่วงหรือถูกแช่แข็ง

‘ไพบูลย์’ ชี้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ต้องไม่ถูกเตะถ่วงหรือถูกแช่แข็ง – ชี้ ความขัดแย้งมีทุกระดับต้องเร่งแก้ไข

นายไพบูลย์ นิติตะวัน พรรคพลังประชารัฐ กล่าวบนเวทีดีเบตพรรคการเมือง “เลือกตั้ง 66: วาทะผู้นำ วาระสิทธิมนุษยชน” ที่ลานคนเมือง โดยยกปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่ระบุว่าทุกคนเสมอภาคตามกฎหมาย มีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ ทุกคนมีสิทธิได้รับความคุ้มครองเท่าเทียม และมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง” ซึ่งเห็นด้วยว่าทุกคนต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ต้องนำมาบังคับใช้ ขณะนี้ไม่รู้ว่าถูกแช่อยู่ที่ใด พร้อมผลักดันร่าง พ.ร.บ.ขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ส่วนกลุ่ม Sex Worker เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ การปรับแก้กฎหมายที่มีอยู่คงไม่ถูก เพราะเป็นกฎหมายที่เป็นปัญหา หากเป็นไปได้ควรปรับปรุงแก้ไขหลายอย่าง

หากนโยบายที่ดีก็เห็นด้วยโดยไม่สนใจว่ามาจากพรรคใด พรรคพลังประชารัฐ เน้นการแก้จนจากการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน เป็นห่วงประชาชนที่บุกรุกในเขตป่าจนถูกตั้งข้อหา ขอประกาศว่าพรรคพลังประรัฐ มีนโยบายออกกฎหมายนิรโทษกรรม พร้อมทั้งเยียวยาผู้ถูกดำเนินคดีป่าไม้และที่ดินของรัฐ เพราะเราเป็นห่วงประชาชนทั้งในเรื่องสิทธิ และเสรีภาพ

นายไพบูลย์ยังย้ำคำพูดของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา” ส่วนตัวเคยเข้าร่วมชุมนุม เจอทั้งแก๊สน้ำตาและกระสุนจริง เข้าใจดีเพราะเจอมาด้วยตนเอง ทุกการชุมนุมมีจุดเริ่มต้นเหมือนกับไฟป่า หากไม่รีบดับ ไม่ทำความเข้าใจก็จะลุกลามเหมือนไฟป่า ซึ่งตนเองไม่อยากเห็นแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปปราบหรือห้ามไม่ให้ชุมนุม แต่เมื่อมีผู้มาเรียกร้องที่พรรคพลังประชารัฐ ตนเองจะไปรับเรื่องโดยตรง และนำเรื่องไปดำเนินการให้ถึงที่สุดเพื่อดับเหตุนั้น

ทั้งนี้หลังการจัดตั้งรัฐบาลหากประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรม ให้ไปหาตนเองได้ เพราะเป็นรองหัวหน้าพรรคที่มีหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์ เหมือนที่ปรึกษาคอยหาทางผ่อนหนักเป็นเบา เราต้องก้าวข้ามขัดแย้งด้วยการปรึกษาหารือซึ่งกันและกัน อย่าสร้างความเกลียดชังซึ่งกันและกัน

นายไพบูลย์ยังได้ชี้แจงถึงประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐมองว่าใครคือคู่ขัดแย้ง โดยระบุว่าความขัดแย้งเริ่มต้นจากตัวเรา และรอบข้าง มีทุกระดับการแก้ไขต้องพูดคุยกัน ตนเองทำงานในคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชน ดังนั้นตนจึงรักศักดิ์ศรีของความเป็นคน

พรรคพลังประชารัฐมั่นใจว่าจะได้ไปต่อ พลเอกประวิตรบอกชัดเจนว่าเมื่อเป็นรัฐบาลต้องดูนโยบายทุกพรรคด้วย นโยบายใดดีก็นำมาทำ ไม่เลือกไม่แบ่งแยก เช่นเดียวกับกฎหมายต่าง ๆ ที่จะเสนอเข้าสภาฯ หากเป็นกฎหมายที่ดีคุ้มครองสิทธิประชาชน ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความสุข พรรคพลังประชารัฐพร้อมสนับสนุน 100% ย้ำชัดว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ใครถ่วงเจอตนเองแน่ ต้องนำมาบังคับใช้

Related Posts

Send this to a friend