ดีเอสไอ-อัยการ ร่วมประชุมคดีฟอกเงินปมฮั้วเลือก สว. ครั้งแรก

ดีเอสไอ-อัยการ ร่วมประชุมคดีฟอกเงินปมฮั้วเลือก สว. ครั้งแรก วางแนวสอบสวน เจาะเส้นทางเงิน-พยานหลักฐาน พร้อมขยายผลหากพบความผิดเพิ่ม
วันที่ (21 มี.ค. 68) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมด้วย ผู้แทนคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 และ นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานอัยการสูงสุด และพนักงายอัยการ ร่วมประชุมกรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมหลังจากที่คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้รับกรณีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ ซึ่งอัยการสูงสุดมอบหมายให้พนักงานอัยการจากสำนักงานสอบสวน ทั้งหมด 5 ราย มาร่วมสอบสวน วันนี้เป็นการประชุมกำหนดแนวทางการสอบสวน ส่วนใหญ่เป็นการสรุปข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ได้จากการสืบสวนเพื่อให้คณะพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการทราบรายละเอียด
ส่วนการรวบรวมหลักฐาน รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นการรวบรวมดูตัวละครว่าใครที่มีส่วนในการรับโอนเงินในเรื่องนี้บ้าง และคงจะต้องตรวจสอบสเตตเมนต์ดูทั้งบุคคลและเอกสาร เป็นการรวบรวมหลักฐานทุกชนิด ยืนยันว่าหลักฐานได้มาอย่างถูกต้อง ในชั้นสืบสวนเรามีข้อมูลในระดับหนึ่ง เพียงแต่ต้องมารวบรวมหลักฐานร่วมกับพนักงานอัยการอีกครั้ง พยานบุคคลต่าง ๆ อาจจะต้องสอบสวนปากคำอีกครั้งในชั้นสอบสวน มีจำนวนมาก แต่บอกรายละเอียดไม่ได้
กรณีที่ทนายอั๋นบอกว่ามีสองผู้ยิ่งใหญ่กับหนึ่งเจ๊ ถ้าข้อมูลไปถึงใครก็จำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ความผิด และต้องเรียกมาสอบทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น มีบุคคลที่คาดหมายว่าจะต้องเรียกมาสอบอยู่แล้ว หากเกี่ยวข้องกับการรับโอนเงินก็จะเรียกมาสอบทั้งหมด แต่ต้องตรวจสอบก่อน ทั้งนี้ หากหลักฐานพบว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญาก็ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดี และมีกระบวนการที่ผู้ต้องหาได้พิสูจน์หรือแก้ข้อกล่าวหาเราก็รับฟัง
ความผิดที่เป็นคดีพิเศษถ้าลักษณะเป็นความผิด ตามที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (คกพ.) กำหนดมาตรา 21 (ค) คดีความผิดทางอาญาที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดข้ามชาติที่สำคัญหรือเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม และ (ง) คดีความผิดทางอาญาที่มีผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญเป็นตัวการผู้ใช้หรือผู้สนับสนุน ข้อบังคับจะบังคับให้ต้องเชิญพนักงานอัยการมาช่วยให้คำแนะนำและมาร่วมสอบสวนร่วมกัน จะพยายามประชุมเดือนละครั้ง ส่วนการรับใครมาเป็นพยาน ต้องพิจารณาร่วมกับพนักงานอัยการ แต่ก็มีขั้นตอนและหลักเกณฑ์ว่าพยานต้องเป็นพยานที่ไม่ใช่ตัวการสำคัญ
นายสุริยน กล่าวถึงแนวทางการสอบสวนว่า ต้องหาทางระบุว่าพยานไหนจะชี้ว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย แล้วค่อยระบุว่าใครเป็นคนทำผิดกฏหมาย พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดสามารถระบุได้ว่ามีการกระทำความผิดและใครเป็นผู้กระทำความผิดต้องสอบให้หมด และมีการจัดลำดับความสำคัญ จัดกลุ่ม และจัดแบ่งพนักงานสอบสวน เพราะพยานแต่ละปากมีความสำคัญไม่เท่ากัน
สำหรับการนัดพยานชุดแรก หลังจากประชุมก็เริ่มกระบวนการสอบสวนได้เลย เพราะเราเชิญพนักงานอัยการมาร่วมประชุมเปิดคดีแล้ว ถ้านัดหมายพยานได้เมื่อไหร่ก็จะสอบได้ ซึ่งวิธีการสอบมีหลายกรณี ทั้งการเชิญมา มีหมายเรียก หรือนัดหมายก็ได้ การสอบสวนจะสอบที่ไหนเวลาใดก็ได้ และต้องวางแผนในการสอบพยานให้ครอบคลุม ทั้งนี้ เรามีมาตรการความปลอดภัยของพยาน กฎหมายสามารถคุ้มครองพยานได้
ส่วนที่ให้ดีเอสไอ 3 ราย ไปร่วมเป็นกรรมการร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นกรณีที่ กกต. ไต่สวนและตั้งเราเป็นคณะด้วย เราส่งไป 3 ราย เพิ่งมีการประชุมไปเมื่อวาน และ กกต. ก็ไต่สวนในส่วนของ กกต.
ในเรื่องหลักฐาน จากการสืบสวนทราบพฤติการณ์คร่าว ๆ ว่ามีมูลการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้น แต่พยานหลักฐานว่าบุคคลใดที่จะกระทำความผิดต้องแสวงหลักฐานอีกจำนวนมาก ย้ำว่าจะพยายามเร่งให้เร็วที่สุด
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า คดีความผิดในฐานอื่นถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดด้วยตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ก็สามารถดำเนินคดีความผิดที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกับคดีพิเศษได้ แต่ต้องดูเป็นเรื่องเรื่องไป ถ้าพิจารณาแล้วว่าเป็นกรรมเดียวผิดหลายบทหรือบทได้บทหนึ่งที่ดำเนินคดีพิเศษอยู่แล้วก็สามารถดำเนินคดีในกรรมอื่น ๆ ด้วย หรือความผิดที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกันก็ถือว่าเป็นคดีพิเศษด้วย แต่เป็นภายหลังจากที่ดำเนินคดีหลักที่ คกพ. มีมติอยู่ก่อนแล้ว ถ้าเป็นการกระทำความผิดทางอาญาก็เป็นหน้าที่ของเรา
ส่วนใครจะมองว่าเป็นเรื่องการเมืองก็สามารถที่จะคิดได้ ไม่ว่าองค์กรใดถ้ามีคดีเกี่ยวกับการเมือง และเป็นการกระทำความผิดอาญาก็ต้องดำเนินการ ย้ำว่าพร้อมให้มีการตรวจสอบ เราเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายก็ต้องกระทำการโดยชอบด้วยกฎหมาย ยืนยันว่าเราดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย