POLITICS

‘ทนายอั๋น’ ยื่นหนังสือดีเอสไอกล่าวโทษบุคคลในโพยข้อหาฐานอั้งยี่

‘ทนายอั๋น’ ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลในโพยข้อหาฐานอั้งยี่ต่อดีเอสไอ เผยมีหลักฐานสำคัญเชื่อมโยงเลือก สว.

วันนี้ (21 มี.ค. 68) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลที่อยู่ในโพยข้อหาฐานอั้งยี่ แก่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมี นายยศสันธ์ เรืองสรรค์งามสิริ รองผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นผู้รับหนังสือในครั้งนี้

ประเด็นการยื่นหนังสือให้ดีเอสไอ นายภัทรพงศ์ กล่าวว่ามี 2 ประการ ประการแรกคือดีเอสไอเชิญ เพราะตนเองคือส่วนหนึ่งของคนที่มาร้องให้ทำเป็นคดีพิเศษ จนกระทั่งวันนี้มีการประชุมนัดแรกจนกระทั่งมีการตัดเลขคดีเป็นคดีพิเศษ ตนเองมีการรวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่ก่อนกลางเลือกตั้ง ขณะเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง ดีเอสไอจึงเชิญตนเองมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในวันนี้

ประการที่ 2 คือ ตนเองเห็นว่าด้วยข้อระเบียบและข้อกฎหมายแม้จะรับเป็นคดีพิเศษในส่วนของฐานฟอกเงิน แต่หากข้อเท็จจริงไปแตะหรือไปถึงการกระทำความผิดอื่น ดีเอสไอมีอำนาจสามารถที่จะไปเอาผิดในการกระทำนั้นนั้นว่าผิดกฎหมายอะไรได้ เช่น อั้งยี่ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือมาตรา 77 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นต้น จึงนำสู่การมาร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลที่อยู่ในโพยรวมถึงบุคคลภายนอกตามกฏหมายที่ว่าใบอั้งยี่ รวมถึง พ.ร.บ. ที่มีโทษทางอาญาอื่น ๆ ด้วย

ด้านนายยศสันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของดีเอสไอให้คำมั่นสัญญากับประชาชนว่าจะดำเนินคดีนี้อย่างเต็มที่ ต้องขอดูพยานหลักฐานก่อนว่าเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าวันนี้การพูดคุยจะเป็นรูปแบบไหนอย่างไร นายยศสันธ์ กล่าวว่า นัดนี้เป็นการประชุมครั้งแรก จะเป็นการวางแผนในการดำเนินคดี ในส่วนของรายละเอียดยังแจ้งให้ทราบมากไม่ได้ ยืนยันว่าต้องดูพยานหลักฐาน และวันนี้ก็เชิญทนายอั๋นมาในฐานะพยาน

ในเรื่องของหลักฐาน นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ก่อนการเลือกตั้ง ช่วงเดือนมีนาคม ปี 2567 มีการออกคู่มือในการเลือกตั้ง และมีการรวมตัวกัน คุยกัน และมีการตบโต๊ะว่าได้แล้ว 120 คน ส่วนกระบวนการ ให้ได้มา 120 คน คือมีการสั่งการผ่านกระบวนการหน่วยงานของรัฐ จนกระทั่งหาชาวบ้านเข้าสู่กระบวนการในชั้นอำเภอและจังหวัดต่อไป และขณะการเลือกตั้งในวันที่ 24 พฤษภาคมปี 2567และมีการเลือกตั้งวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 2567 วันนั้นมีการใช้โทรศัพท์ของผู้มากบารมี 1 คน และ 1 เจ๊ ซึ่งมีหลักฐานทั้งหมดว่ามีการเชื่อมโยงกัน ก่อนจะมีการส่งรายชื่อ 120 คนส่งไปให้เจ๊พิจารณาร่วมด้วย หลังจากนั้นวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 2567 ช่วง 5:00 น. มีการใส่เสื้อเหลืองนั่งรถตู้มาโดยมีจุดประสงค์ที่ใส่เสื้อเหลืองเพื่อแต่งกายให้คล้ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และมีหลักฐานว่าการได้แต่งกายคล้าย กกต. เพื่ออะไร ทนายอั๋น บอกว่ามีหลักฐานเด็ดแต่ขอยังไม่พูดถึง

หลังจากที่ได้มาเกินเป้า 120 คน เพราะมีการไปหาคนมา ด้วยความอยากได้และมีเงินรางวัลเป็นตัวล่อจึงได้เป็น 140 คน หลังจากได้แล้วก็มีการกลับไปที่รางน้ำ และมีการแต่งตั้งประธานและรองประธาน ตนเองขอไม่พูดตำแหน่งแต่มีหลักฐาน หลังจากนั้นก็มีการแต่งตั้งผู้ช่วย ซึ่งหลักฐานผู้ช่วย สว. สองชุด ก็ปรากฏคนเหล่านั้นเป็นพลีชีพ คือได้คะแนนโหวต 0 คะแนน แต่มีชื่อเข้ามาอยู่ในรอบประเทศและได้รับบำเหน็จคือการมาเป็นผู้ช่วย สว. ตนเองได้ดูหลักฐานทุกอย่าง วันนี้จึงนำมาสู่การกล่าวโทษบุคคลที่อยู่ในโพย 140 คน และคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามบัญญัติกฎหมายดังกล่าว

นายภัทรพงศ์ กล่าวถึงประเด็นว่า ทำไมถึงเตรียมตัวได้ดีมากกว่าคนอื่น นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า หมายความว่ารู้ข้อสอบหรือมีพรายกระซิบมาบอกก่อนหน้านั้นหรือไม่ ทำให้ได้ตบโต๊ะ และท้ายที่สุดก็ไปดำเนินกระบวนการตามแผนที่วางไว้ อันเป็นการกระทำผิดในฐานอั้งยี่จนกระทั่งสำเร็จ

เมื่อถามว่าหลักฐานที่มีเบ็ดเสร็จ สามารถฟันได้เลยหรือไม่ นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า เฉพาะหลักฐานที่มีขณะนี้ฟันแล้ว ได้แล้ว แต่มันไปไกลกว่านั้นมาก วันนี้ต้องฝากไปถึงคนที่เป็นผึ้งอยู่ในรังแล้วบินแตกออกมาว่าคุณคิดถูกแล้ว เพราะขณะนี้ดีเอสไอมีหลักฐานหมดแล้ว มันจะง่ายยิ่งขึ้นและเป็นผลดีต่อพวกคุณ เลือกเอาว่าเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นพยาน ถูกต้องแล้วที่มีการติดต่อมาที่ตนเองและสายลับของตนเองว่าจะเข้าสู่กระบวนการและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อดีเอสไอต่อไป

กล่าวต่อว่า หลักฐาน ประกอบเป็น 2 ส่วนใหญ่ ส่วนที่ตนเองและพรรคพวก ไม่ว่าจะเป็นส.ว. สำรองหรือส.ว. รอบประเทศ นี่คือส่วนหนึ่ง ส่วนที่สองคือดีเอสไอไปดำเนินการหาเอง ในส่วนนั้นตนเองไม่ก้าวล่วง

วันนี้ (21 มี.ค. 68) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลที่อยู่ในโพยข้อหาฐานอั้งยี่ แก่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมีนายยศสันธ์ เรืองสรรค์งามสิริ รองผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นผู้รับหนังสือในครั้งนี้

ประเด็นการยื่นหนังสือให้ดีเอสไอ นายภัทรพงศ์ กล่าวว่ามี 2 ประการ ประการแรกคือดีเอสไอเชิญ เพราะตนเองคือส่วนหนึ่งของคนที่มาร้องให้ทำเป็นคดีพิเศษ จนกระทั่งวันนี้มีการประชุมนัดแรกจนกระทั่งมีการตัดเลขคดีเป็นคดีพิเศษ ตนเองมีการรวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่ก่อนกลางเลือกตั้ง ขณะเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง ดีเอสไอจึงเชิญตนเองมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในวันนี้

ประการที่ 2 คือ ตนเองเห็นว่าด้วยข้อระเบียบและข้อกฎหมายแม้จะรับเป็นคดีพิเศษในส่วนของฐานฟอกเงิน แต่หากข้อเท็จจริงไปแตะหรือไปถึงการกระทำความผิดอื่น ดีเอสไอมีอำนาจสามารถที่จะไปเอาผิดในการกระทำนั้นนั้นว่าผิดกฎหมายอะไรได้ เช่น อั้งยี่ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือมาตรา 77 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นต้น จึงนำสู่การมาร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลที่อยู่ในโพยรวมถึงบุคคลภายนอกตามกฏหมายที่ว่าใบอั้งยี่ รวมถึง พ.ร.บ. ที่มีโทษทางอาญาอื่น ๆ ด้วย

ด้านนายยศสันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของดีเอสไอให้คำมั่นสัญญากับประชาชนว่าจะดำเนินคดีนี้อย่างเต็มที่ ต้องขอดูพยานหลักฐานก่อนว่าเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าวันนี้การพูดคุยจะเป็นรูปแบบไหนอย่างไร นายยศสันธ์ กล่าวว่า นัดนี้เป็นการประชุมครั้งแรก จะเป็นการวางแผนในการดำเนินคดี ในส่วนของรายละเอียดยังแจ้งให้ทราบมากไม่ได้ ยืนยันว่าต้องดูพยานหลักฐาน และวันนี้ก็เชิญทนายอั๋นมาในฐานะพยาน

ในเรื่องของหลักฐาน นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ก่อนการเลือกตั้ง ช่วงเดือนมีนาคม ปี 2567 มีการออกคู่มือในการเลือกตั้ง และมีการรวมตัวกัน คุยกัน และมีการตบโต๊ะว่าได้แล้ว 120 คน ส่วนกระบวนการ ให้ได้มา 120 คน คือมีการสั่งการผ่านกระบวนการหน่วยงานของรัฐ จนกระทั่งหาชาวบ้านเข้าสู่กระบวนการในชั้นอำเภอและจังหวัดต่อไป และขณะการเลือกตั้งในวันที่ 24 พฤษภาคมปี 2567และมีการเลือกตั้งวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 2567 วันนั้นมีการใช้โทรศัพท์ของผู้มากบารมี 1 คน และ 1 เจ๊ ซึ่งมีหลักฐานทั้งหมดว่ามีการเชื่อมโยงกัน ก่อนจะมีการส่งรายชื่อ 120 คนส่งไปให้เจ๊พิจารณาร่วมด้วย หลังจากนั้นวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 2567 ช่วง 5:00 น. มีการใส่เสื้อเหลืองนั่งรถตู้มาโดยมีจุดประสงค์ที่ใส่เสื้อเหลืองเพื่อแต่งกายให้คล้ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และมีหลักฐานว่าการได้แต่งกายคล้าย กกต. เพื่ออะไร ทนายอั๋น บอกว่ามีหลักฐานเด็ดแต่ขอยังไม่พูดถึง

หลังจากที่ได้มาเกินเป้า 120 คน เพราะมีการไปหาคนมา ด้วยความอยากได้และมีเงินรางวัลเป็นตัวล่อจึงได้เป็น 140 คน หลังจากได้แล้วก็มีการกลับไปที่รางน้ำ และมีการแต่งตั้งประธานและรองประธาน ตนเองขอไม่พูดตำแหน่งแต่มีหลักฐาน หลังจากนั้นก็มีการแต่งตั้งผู้ช่วย ซึ่งหลักฐานผู้ช่วย สว. สองชุด ก็ปรากฏคนเหล่านั้นเป็นพลีชีพ คือได้คะแนนโหวต 0 คะแนน แต่มีชื่อเข้ามาอยู่ในรอบประเทศและได้รับบำเหน็จคือการมาเป็นผู้ช่วย สว. ตนเองได้ดูหลักฐานทุกอย่าง วันนี้จึงนำมาสู่การกล่าวโทษบุคคลที่อยู่ในโพย 140 คน และคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามบัญญัติกฎหมายดังกล่าว

นายภัทรพงศ์ กล่าวถึงประเด็นว่า ทำไมถึงเตรียมตัวได้ดีมากกว่าคนอื่น นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า หมายความว่ารู้ข้อสอบหรือมีพรายกระซิบมาบอกก่อนหน้านั้นหรือไม่ ทำให้ได้ตบโต๊ะ และท้ายที่สุดก็ไปดำเนินกระบวนการตามแผนที่วางไว้ อันเป็นการกระทำผิดในฐานอั้งยี่จนกระทั่งสำเร็จ

เมื่อถามว่าหลักฐานที่มีเบ็ดเสร็จ สามารถฟันได้เลยหรือไม่ นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า เฉพาะหลักฐานที่มีขณะนี้ฟันแล้ว ได้แล้ว แต่มันไปไกลกว่านั้นมาก วันนี้ต้องฝากไปถึงคนที่เป็นผึ้งอยู่ในรังแล้วบินแตกออกมาว่าคุณคิดถูกแล้ว เพราะขณะนี้ดีเอสไอมีหลักฐานหมดแล้ว มันจะง่ายยิ่งขึ้นและเป็นผลดีต่อพวกคุณ เลือกเอาว่าเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นพยาน ถูกต้องแล้วที่มีการติดต่อมาที่ตนเองและสายลับของตนเองว่าจะเข้าสู่กระบวนการและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อดีเอสไอต่อไป

กล่าวต่อว่า หลักฐาน ประกอบเป็น 2 ส่วนใหญ่ ส่วนที่ตนเองและพรรคพวก ไม่ว่าจะเป็นส.ว. สำรองหรือส.ว. รอบประเทศ นี่คือส่วนหนึ่ง ส่วนที่สองคือดีเอสไอไปดำเนินการหาเอง ในส่วนนั้นตนเองไม่ก้าวล่วง

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat