‘อัจฉริยะ’ ร้อง ปปป. เอาผิดตำรวจชุดทำคดีแตงโม ออกหมายเรียกกลั่นแกล้ง
‘อัจฉริยะ’ ร้อง ปปป. เอาผิดตำรวจชุดทำคดีแตงโม ฐานออกหมายเรียกกลั่นแกล้ง เผย เตรียมแจ้งความกลับ แม่แตงโม ไม่ต่ำกว่า 10 คดี
วันนี้ (20 มิ.ย. 65) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นเรื่องต่อศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังได้รับหมายเรียกจาก สน.พหลโยธิน และสน.ประชาชื่น ในข้อหาร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำตามหน้าที่ และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา
นายอัจฉริยะ กล่าวว่าวันนี้ที่ตนเดินทางมาร้องต่อ บ.ก.ปปป. เพื่อให้เอาผิด รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ และคณะ ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่ไปแจ้งความเอาผิดตนเองในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ที่ สน.พหลโยธิน และ สน.ประชาชื่น ซึ่งล่าสุดเพิ่งมีการออกหมายเรียกให้นายอัจฉริยะไปรับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากตอนนี้ ตนได้รับหมายเรียกถึง 4 คดี ใน 3 โรงพักภายใต้คำสั่งของ ผบก.น.2
ซึ่งแสดงว่า มีการออกหมายพร้อมกันถึง 3 โรงพัก ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งตนให้ได้รับโทษทางอาญา เพราะผู้กล่าวหาเป็นคนเดียวกันถึง 3 หมาย 2 โรงพัก
โดยในวันพรุ่งนี้ ตนจะไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.พหลโยธิน 2 หมาย เพื่อไม่ให้พนักงานสืบสวน มีปัญหาในการทำงาน ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ตนไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เพราะไม่มีหลักฐานที่เอาผิดตนได้อยู่แล้ว แต่ก็เพื่อไม่ให้พนักงานสอบสวนต้องรู้สึกอึดอัดใจ ในการทำงาน แต่พนักงานสอบสวนที่รับมอบอำนาจมาต้องรับผิดชอบที่กล่าวหาตนโดยไม่มีหลักฐาน ทั้งที่คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมหลังจากที่อธิบดีอัยการสั่งสอบในอีกหลายประเด็น เพราะฉะนั้นคดียังไม่ชี้ว่าใครเป็นฝ่ายผิดหรือเป็นฝ่ายถูก หรือใครพูดเท็จใครพูดจริง ยังไม่มีข้อยุติ จะออกหมายเรียกตนได้อย่างไร
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่าตนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้กำกับสภ.นนทบุรีนั้น ยืมมือคนอื่น ให้ออกหมายเรียกตน เพื่อเอาผลทางคดีไปแก้ต่างให้ตนเอง ที่กำลังถูกสอบสวนจากจเรตำรวจ
อีกทั้ง มนตรีก็โดนกล่าวหาร่วมกับตนด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เคยพูดพาดพิงตำรวจในทางที่ไม่ดี มีเพียงแต่การอธิบายแสงและเงา ซึ่งการหมิ่นต้องเป็นการพูดพาดพิงถึงตัวบุคคล ตนก็ไม่รู้มาเป็นผู้ต้องหาร่วมได้ยังไง
ในส่วน ของ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 นั้นตนไม่ได้แจ้งเพราะจะอ้างได้ว่าทำตามสายบังคับบัญชา และจะทำให้พนักงานสืบสวนนั้นเดือดร้อน
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตนมั่นใจว่า ที่อธิบดีอัยการภาค 1 สั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น เป็น 8 ประเด็นที่ตนได้ยื่นไปอย่างแน่นอน และขอบขอคุณที่ให้ความเป็นธรรม ตนมั่นใจว่า สอบแล้วคดีประมาทอาจจะเปลี่ยนเป็นฆาตกรรมก็ได้
นายอัจฉริยะ กล่าวถึง น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการจังหวัดนนทบุรี ว่า ไม่ควรให้สัมภาษณ์ถึงผลทางคดี เพราะเป็นการให้สัมภาษณ์ในฐานะอัยการจังหวัด ไม่ใช่ในฐานะประชาชน ดังนั้น การให้ถ้อยคำต่างๆ ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีการเสียชีวิตของแตงโมจึงไม่ควรทำ ซึ่งวันนี้ที่อธิบดีอัยการ ภาค 1 มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม ก็พิสูจน์แล้วว่า ผลของคดีอาจมีการเปลี่ยนแปลง และตนขอถามว่า อัยการดาวว่าจะรับผิดชอบอย่างไร
อีกทั้ง นายอัจฉริยะเปิดเผยว่า ทางชมรม ฯ มีมติฟ้องนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน คุณแม่ของแตงโม ไม่ต่ำกว่า 10 คดี ขณะนี้ร่างฟ้องเสร็จแล้วประมาณ 5 คดี ซึ่งจะดำเนินการหลังศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 20 ก.ค. 65
สำหรับพฤติการณ์ที่ต้องฟ้องนั้นเนื่องจากมีการกล่าวหาสิ่งที่เป็นเท็จ ทั้งด่าทอรวมถึงว่าหลอกลวง ตอนแรกไม่อยากจากจะฟ้องแต่นับวันรู้สึกว่ายิ่งมากขึ้น จึงอยากปกป้องสิทธิของตน ในฐานะชมรมฯ ที่ช่วยเหลือประชาชนมาตลอด 10 ปี และมีประชาชนให้ความ เชื่อถือเป็นจำนวนมาก ยืนยันไม่เคยหลอกลวงใคร ไม่ว่าใครที่พาดพิงก็ต้องฟ้อง
ผู้สื่อข่าวถามถึงพฤติการณ์ของคุณแม่เปลี่ยนไป มีใครยุยงตัวคุณแม่หรือไม่ นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตนมองว่าคงไม่มีใครยุยง แต่เป็นเพราะตัวคุณแม่เองมากกว่า
ส่วนประเด็นที่คุณแม่เตรียมฟ้องกลับเรื่องหมิ่นเบื้องสูง นายอัจฉริยะ ยืนยันว่าไม่มีการหมิ่นเบื้องสูง พร้อมท้าให้เอาคลิปมาเปิดได้เลย
นายอัจฉริยะ ยังระบุว่า คงไม่มีการไกล่เกลี่ยกับคุณแม่เรื่องการถอนฟ้อง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวันที่ 20 ก.ค. อย่างเดียว พร้อมย้ำชัดว่าการฟ้องของตนนั้นฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่จะไปเพิกถอนใบมอบอำนาจ ก่อนจะเพิกถอนให้ไปศึกษาให้ดี เพราะคุณแม่เป็นคนแต่งมอบอำนาจเอง ใช่ตนทำเองที่ไหน
ส่วนประเด็นที่คุณแม่บอกว่านายอัจฉริยะไม่มีหลักฐาน นายอัจฉริยะ ระบุว่า เวลาคน ๆ นี้พูดอะไรเชื่อถือได้ไหม ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันมีอะไรเชื่อถือได้ไหม เพราะฉะนั้นให้ศาลเป็นคนตัดสินดีกว่า
ในกรณีที่คุณแม่กลับไปคุยกับทนายเดชา นายอัจฉริยะ กล่าวว่า อะไรที่เขาได้ประโยชน์ เขาก็คุยหมด กับเรานั้นไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะเราไม่ใช่ลูกรัก
ในส่วนของตัวคุณแม่ที่จะไปร่วมงานกับทนายชนบท ศุภศรีนั้น นายอัจฉริยะกล่าวว่า ตนไม่สนใจว่าจะทำคดีแทนหรือไม่ ตนรู้หมดว่าเป็นคนอย่างไร ไม่ใช่คนไม่ดี แต่มองว่าไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว และอีกไม่นานคงถูกทิ้งเหมือนเดิม
“ยังมีแชท มีคลิป ที่ยังไม่ได้เปิด แต่คงมีคนเปิด อย่าลืมว่าสิ่งที่คุณพูดอะไรไปเรื่อยๆ มีคนบันทึกเสียง มีคนเก็บไว้หมดแหละ ไลน์ที่คุณแชตกับใคร เรื่องเสนอเงื่อนไข เรื่องเสนออะไรต่างๆ เรามีหมด แต่โดยมารยาทเราไม่อยากเปิด เรื่องสตางค์เรื่องอะไรเรารู้หมด” นายอัจฉริยะ กล่าว
สำหรับนายอัจฉริยะ ถูกออกหมายเรียกแล้วทั้งหมด 4 คดี แบ่งเป็นคดีที่ สน.พหลโยธิน 2 คดี สน.ประชาชื่น 1 คดี โดยทั้ง 3 คดี ถูกออกหมายเรียกใน 2 ข้อหาเหมือนกัน ได้แก่ ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน มีผู้ร้องคนเดียวกันทั้งหมดคือ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งนายอัจฉริยะเองระบุว่า ยังไม่ทราบว่า ทั้ง 3 คดี เกิดจากการกระทำเดียวกันหรือไม่อย่างไร
ส่วนอีก 1 คดี เป็นคดีที่ สน.โคกคราม ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มีผู้ร้องคือ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์