‘เค สามถุยส์’ ร้อง ‘พิเชษฐ์’ สอบจริยธรรม ‘อมรัตน์‘ มีพฤติกรรมล่าแม่มด

‘เค สามถุยส์’ ร้อง ‘พิเชษฐ์’ สอบจริยธรรม ‘อมรัตน์‘ มีพฤติกรรมล่าแม่มด หลังยื่นเรื่องไป 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้า
วันนี้ (19 ต.ค. 66) เวลา 13.30 น. นายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่สอง เพื่อให้ตรวจสอบความเป็นธรรมและจริยธรรมของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่หนึ่ง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคก้าวไกล
นายนิยม กล่าวว่า เนื่องจาก น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่ปรึกษาของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง พบว่ามีพฤติกรรมคุกคาม ข่มขู่ประชาชนจากการโพสต์ ชื่อ ที่อยู่ ของประชาชนผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองออกลงโซเชียล ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนจากพรรคก้าวไกล หลังจากได้เรียกร้องในกรณีดังกล่าวไปเป็นเวลา 1 เดือนกว่าแล้ว ว่าทางพรรคจะทำการลงโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบต่อพฤติกรรมเหล่านี้ ที่ไปคุกคามประชาชนอย่างไร ซึ่งตนเองได้นำหลักฐาน และรายชื่อของบุคคลที่กระทำการดังกล่าวมาส่งให้กับทางรัฐสภาและกรรมาธิการ เนื่องจากมีพฤติกรรมของข้าราชการ หรือพนักงานราชการ ในการนำชื่อ ที่อยู่ ข้อมูลส่วนตัว ของบุคคลอื่นออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นข้อมูลจากทะเบียนราษฎร ไม่ทราบว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ใช้ตำแหน่งอะไร ประพฤติมิชอบหรือไม่ หรือใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญในการบังคับเอาข้อมูลจากข้าราชการหรือไม่
นายนิยม ย้ำว่าต้องการตรวจสอบถึงจริยธรรมของพรรคก้าวไกล เนื่องจากคดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ยังอยู่ในพรรคก้าวไกล แต่ปัจจุบันเวลาล่วงเลยไปแล้วกว่า 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้า ในส่วนกรณีของ น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่ได้ระบุว่าลาออกแล้ว ก็ยังไม่ได้เห็นหนังสืออย่างเป็นทางการ และเมื่อเดือนที่แล้ว น.ส.อมรัตน์ ได้เดินทางไปดูงานที่ประเทศเยอรมัน กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ไปในตำแหน่งหรือฐานะอะไร
“เนื่องจากเขาเป็นข้าราชการทางการเมือง คุกคามประชาชน เราปล่อยคนเหล่านี้ไว้ไม่ได้ ต้องมีการลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่งั้นจะเป็นเยี่ยงอย่างต่อไปในอนาคต ถ้า สส. หรือนักการเมือง มีพฤติกรรมไปเอาทะเบียนราษฎรของประชาชนมาโพสต์ให้เกิดการล่าแม่มดแบบนี้ ประชาชนจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองหรือไม่ อย่างไร” นายนิยม กล่าว
ด้าน นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ถ้าเป็นการร้องเรียนบุคคลให้เจาะจงไปที่ตัวบุคคล ซึ่งนายปดิพัทธ์ก็ได้ย้ายพรรคไปแล้ว แต่ตนเองจะนำหนังสือร้องเรียนนี้ ไปให้กรรมธิการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็เป็นเรื่องของกรรมาธิการแต่ละคณะ ที่จะพิจารณาข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยอาจจะมีการเรียกผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติม