กลุ่ม สว.สำรอง แจ้งความตำรวจ ปปป. เอาผิด เลขาฯ กกต. ปม ละเลยหน้าที่ ตรวจสอบฮั้วเลือก สว.
กลุ่ม สว. สำรอง เข้าแจ้งความตำรวจ ปปป. เอาผิด เลขาฯ กกต. ตาม พ.ร.ป.สว. ปม ละเลยหน้าที่ การตรวจสอบฮั้วเลือก สว.
วันนี้ (19 มี.ค. 68) เวลา 14:00 น. กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สำรอง กว่า 10 คน นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เอาผิดนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการละเลยหน้าที่ตรวจสอบฮั้วเลือก สว. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (พ.ร.ป.สว.) ปี 2561 มาตรา 32
พล.ต.ท.คำรบ เปิดเผยว่า วันนี้คณะ สว.สำรอง มาแจ้งความร้องทุกข์กับ บก.ปปป. เพื่อเอาผิดนายแสวง โดยคณะ สว.สำรอง ได้หารือ และพบว่านายแสวง มีพฤติกรรมต่อการตรวจสอบการเลือก สว. ครั้งที่ผ่านมา ในลักษณะหลีกเลี่ยง ไม่ดำเนินการเพื่อที่จะรักษาไว้ด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม โดยเราได้รายงานพฤติกรรมไปถึงประธาน กกต. มาอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้ง การตั้งกรรมการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าประการใด แต่อย่างไรก็ตามการกระทำของนายแสวงก็ ปรากฏความผิดอย่างชัดเจน ตาม พ.ร.ป.สว. ปี 2561 มาตรา 32 ที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. ที่กระทำการไม่เป็นไปตามกฏหมาย เพื่อให้การเลือก สว. เป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งมีอัตราโทษถึง 10 ปี และเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งถึง 20 ปี รวมถึงยังมีความผิดย่อยอื่นๆ อีก ที่กลุ่มสว.สำรองจะมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน
ดังนั้น กลุ่ม สว.สำรอง จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจ บก.ปปป. เพื่อให้รับคดีนี้ไว้ ซึ่งเราได้ประสาน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ไว้แล้ว โดยพยานหลักฐานที่นำมาในวันนี้ เป็นหลักฐานที่เคยนำไปร้องเรียนกับทาง กกต.
พล.ต.ท.คำรบ ยืนยันว่า การมาแจ้งความครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือรังแกอะไรนายแสวง แต่นายแสวงไม่ตั้งใจดำเนินการ และหลีกเลี่ยงรื่องนี้ ซึ่งตลอด 8 เดือน ในฐานะที่ดูแลควบคุมการเลือก สว. พบว่าการสืบสวนไต่สวนต่างๆ ไม่มีความคืบหน้า จึงมีความจำเป็นที่เราต้องดำเนินการ เพื่อให้มีการปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง และให้กระบวนการของประเทศเราสามารถเดินหน้าต่อไปได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการดำเนินคดีตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ก็สามารถดำเนินคดีตาม ม.157 ได้ทันทีอยู่แล้ว ส่วนการมาแจ้งความในครั้งนี้เพื่อให้เป็นคดีอาญา และนำไปสู่การสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น พล.ต.ท.คำรบ มองว่า มีหลายกรณีที่นายแสวงควรจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และควรถูกตั้งกรรมการพิจารณาทางวินัย และควรจะถูกสั่งพักการทำงาน ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานถูกกล่าวหาในคดีอาญา ผู้บังคับบัญชาจะต้องนำเรื่องมาประกอบการพิจารณาว่าจะทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่
ส่วนการทำงานของนายแสวง จะมีการเอื้อ สว. กลุ่มไหนเป็นพิเศษหรือไม่นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้อยากกล่าวหาใคร แต่มองว่าเป็นความเสียหายในภาพรวม โดยเห็นได้จากเรื่องที่มีการร้องเรียนกว่า 500 เรื่อง แต่ทำเสร็จเพียงแค่ 200 เรื่อง และเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่ประเด็นสำคัญ 300 เรื่อง อาทิ เรื่องการฮั้วสว. จำนวน 40 – 50 สำนวน กลับมีคนรับผิดชอบเรื่องละ 3 คนเท่านั้น และไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ยัง ตนเองทราบมาว่า เพิ่งมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อมาตรวจสอบ เมื่อไม่นานมานี้ จึงมองว่า คดีนี้จะไม่มีความต่อเนื่อง อีกทั้งการที่ประธาน กกต. มีการส่งสำนวนร้องเรียนไปที่ศาลแล้วนั้น ก็มองว่าเป็นเพียงคดีเล็กๆ และเป็นเรื่องการเล่นการพนัน ก่อนที่จะมาสมัครรับเลือกเป็น สว.เท่านั้น