สส.พรรคประชาชน ยื่น พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน 3 ฉบับ ต่อเลขาธิการสภา
สส.พรรคประชาชน ยื่น พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน 3 ฉบับ ต่อเลขาธิการสภา หวัง ช่วยเหลือประชาชนเพื่อคุณภาพแรงงานที่ดีขึ้น
วันนี้ (18 ธ.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และเครือข่ายสนับสนุนกฎหมายคุ้มครองคนทำงาน ยื่น พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน จำนวน 3 ฉบับ และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เรื่อง การสนับสนุนร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ว่า วันนี้พี่น้องผู้ใช้แรงงาน มาร่วมสนับสนุนการยื่นกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 3 ฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายที่พรรคประชาชนเคยยื่นมาแล้ว พ.ศ.2566 และเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ฉบับเดียวที่เราเรียกว่า พ.ร.บ. ทำงาน พักผ่อน ใช้ชีวิต เมื่อเข้าสู่ในที่ประชุมสภาพิจารณา ปรากฎว่า พ.ร.บ. ของเราถูกปัดตกไปช่วงเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้ใช้แรงงาน ได้แสดงเจตจำนงค์ต่อ สส.พรรคประชาชน ว่า กฎหมายฉบับดังกล่าว เป็นกฎหมายที่ทำให้พี่น้องแรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหากกฎหมายได้ประกาศบังคับใช้ ดังนั้น พวกเราเป็นตัวแทนของผู้ใช้แรงงานประชาชน จึงนำกฎหมายฉบับดังกล่าวมาปรับแก้ไขเพิ่มเติม แยกกฎหมายออกเป็น 3 ฉบับ จากการทำงาน คือ พักผ่อนใช้ชีวิต เปลี่ยนมาเป็นความมั่งคงในการทำงาน มีเวลาพักผ่อน พร้อมกับมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 3 ฉบับ
ส่วนประเด็นสำคัญที่เพิ่มเข้ามาในกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับดังกล่าวนั้น นายเซีย กล่าวว่า ให้พี่น้องคนทำงานที่เป็นผู้หญิงมีสิทธิ์ลาหยุดในวันที่เป็นประจำเดือนได้ไม่เกิน 3 วัน ต่อเดือน ไม่รวมวันลาป่วย ส่วนประเด็นที่เหลือเป็นประเด็นที่เคยมีการพูดคุยมาก่อนแล้ว คือ ลดชั่วโมงการทำงานให้เหลือไม่เกิน 40 ชม. ต่อสัปดาห์ หรือ 8 ชม.ต่อวัน ,เพิ่มวันหยุดพักผ่อนประจำปี เป็น 10 วัน ,ปรับพนักงานรายวันเป็นรายเดือนทั้งหมด และขยายความคุ้มครองลูกจ้าง โดยเปลี่ยนคำนิยามให้ครอบคลุมลูกจ้างที่ทำงานบนแพลตฟอร์ม อาทิ ไลน์แมน ไลเดอร์ ซึ่งคนเหล่านี้ควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ซึ่งอยู่ในรายละเอียดของกฎหมายที่ได้ยื่นมาก่อนหน้านี้
นายเซีย กล่าวต่อว่า สำหรับการลาไปดูแลคนใกล้ชิดเมื่อยามเจ็บไข้ได้ป่วย ปีละไม่เกิน 15 วันนั้น พี่น้องแรงงานได้นำเสนอให้พวกเราตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาเป็นพรรคก้าวไกล และสุดท้ายมาเป็นพรรคประชาชน ซึ่งเป็นที่พี่น้องแรงงานให้ความสำคัญ และแสดงเจตจำนงค์อย่างชัดเจน เมื่อได้นำกฎหมายดังกล่าวมาประกาศใช้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และแรงงานจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
