POLITICS

‘เศรษฐา’ ยืนยัน ไม่เห็นด้วยรัฐประหาร ชี้ คนทำก็ลาออกไปแล้ว ขอพิสูจน์ผลงานกับประชาชน

วันนี้ (18 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเสวนาแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” โดยมีสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นเจ้าภาพในการจัดเสวนา โดยนายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามในประเด็นการเมือง ถึงการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นการเทหมดหน้าตัก พรรคเพื่อไทยยึดหลักการคำไหนคำนั้น แต่ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปคือการจับขั้วกับพรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม ทำไมถึงเป็นแบบนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นเรื่องยุทธศาสตร์พื้นฐาน เรามี 141 เสียง ต้องหาให้ถึง 376 เสียง เราทำตามสัญญาคือการไปรวมกับพรรคก้าวไกลแล้ว แต่ได้เสียง สว. ไม่ถึง ทางพรรคก้าวไกลจึงส่งไม้ต่อให้เราเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ดังนั้น ถ้าไม่จับมือกับพรรคอื่น จะได้เสียงถึงหรือไม่ และหากยังจับก้าวไกลอยู่ ก็ได้เสียงสนับสนุนไม่ถึงอยู่ดี จะให้รอ 10 เดือน ให้ สว. หมดอำนาจไป ประชาชนเขารอไม่ได้ จึงต้องตั้งต้นตรงนี้ก่อนที่ 141 เสียง ว่าจะไปจับกับใคร ประชาชนต้องการตรงนี้มากกว่าที่จะให้แคนดิเดตจาก 2-3 พรรคอื่นมาเป็นนายกฯ จึงเป็นเรื่องของการตกลงกันได้ในนโยบาย ซึ่งนโยบายไหนที่มองว่าไม่ผ่านการโหวตได้ เราก็ไม่เห็นด้วยแต่แรก และไม่แตะต้อง ที่พูด ไม่ได้ขอความเห็นใจ แต่เป็นเรื่องของคณิตศาสตร์พื้นฐาน

“ผมไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารอยู่แล้วพรรคการเมืองที่มาร่วมกับรัฐบาลเรา แม้จะอยู่ในรัฐบาลเก่า ก็ไม่ได้ร่วมทำรัฐประหาร และคนที่ร่วมทำรัฐประหารอีก 2 พรรค ก็ได้ลาออกไปแล้ว ประเทศต้องเดินต่อ ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้อาจทำให้หลายคนผิดหวัง จะเรียกนนายกฯ ส้มหล่ม นายกฯ ตระบัดสัตย์ก็เรียกไป แต่ผมมีอีก 10 ล้านคนที่อยู่กับผม สิ่งที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดคือการทำงานทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ต้องทำงานต่อไปให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศไม่ผิดหวัง” นายเศรษฐา กล่าว

ส่วนคำว่าอยู่ในโลกของความเป็นจริงถูกใช้บ่อยมากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ซึ่งอาจมองว่ายอมจำนนต่อกติกาจนทำให้ประชาชนหมดศรัทธา นายเศรษฐา ระบุว่า ความฝัน ความหวัง เป็นหน้าที่ และภารกิจหลักของผู้นำ ที่ต้องนำเสนอให้เห็นในช่วง 4 ปี หากประชาชนไม่มีความหวัง ไม่มีแรงบันดาลใจ ก็ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในอีก 4 ปีข้างหน้า เพื่อแสดงออกมา

ส่วนการคืนอำนาจให้ประชาชน หลังทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เรามีคณะทำงานเพื่อทำประชามติ ตั้ง สสร. ทำเพื่อดูว่ามีประชามติอย่างไร ส่วนจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 ปีหรือไม่ ผมก็ยังไม่ทราบ จะไม่ขอสัญญา แต่จะทำอย่างเร่งด่วน ยกเป็นวาระเร่งด่วน ประชาชนก็ต้องการ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน อยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ

ส่วนกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พรรคยังเทไม่หมดหน้าตัก หากหมดหน้าตักจริง จะต้องทำสิ่งที่สัญญาให้ไว้กับประชาชนให้เป็นจริง นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองเทหมดหน้าตักแล้ว คำว่าไม่หมดแปลว่ามีก็อกสองอยู่ในกระเป๋า ซึ่งผมไม่มี ผมเต็มที่กับทุกเรื่อง แก้ไขทุกปัญหา เพียงแต่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของเวลา หากชัดเจนจะมีกำหนดเวลาออกมา

นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองเป็นคนคุมตำรวจเอง ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องตำรวจอย่างเดียว แต่เรื่องของข้าราชการ อย่างการไม่ยอมรับเรื่องซื้อขายตำแหน่ง เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติข้าราชการ เรายอมรับไม่ได้ การคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องร้ายแรง ตอนนี้ตนเองเพิ่งทำงานได้ 7 วัน แต่จะเร่งดำเนินการอย่างเร็วที่สุด

ส่วนการพูดคุยกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ภายหลังประกาศลาออกจากครอบครัวเพื่อไทยนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองชื่นชมในจุดยืนที่แข็งแกร่ง และยังมีการถ่ายภาพร่วมกันอยู่ มีการนึกถึงและพูดถึงกันตลอดเวลา เขามีจุดยืนที่แน่น และก็ไม่ได้โกรธที่ผมต้องมาทำอย่างนี้ เพราะเราไม่มีทางอื่น เราปรึกษาหารือกันตลอดในการแนะนำแนวทางที่เหมาะสม และถูกต้อง รวมถึงได้เตือนว่าการทำงานหนัก ให้ทำต่อไปเรื่อย ๆ และต้องทำให้ครบทุกภาคส่วน พร้อมเป็นกำลังใจให้

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ได้ตอบคำถามถึงห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล มีคนบอกว่า นายเศรษฐา ไม่ได้นั่งทำงานที่ห้องนายกฯ แต่ไปนั่งในห้องคณะทำงาน ว่า อยากให้เกิดมิตรภาพในการทำงาน เวลานั่งในห้องนายกฯ ไม่ค่อยให้ความเป็นมิตรภาพเท่าไร และเพื่อเป็นการลดขั้นตอนด้วย ส่วนห้องนายกฯ แทบจะไม่ได้นั่ง ส่วนใหญ่เพียงเดินผ่านเพื่อไปเข้าห้องน้ำ และยังมีความคิดว่า จะไปใช้บ้านพิษณุโลกในการทำงาน โดยจะเข้าไปใช้สัปดาห์ละ 3 – 4 วัน

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat