จุรินทร์ ออนทัวร์ตลิ่งชันเปิดตัว ส.ก. หญิง ย้ำรัฐบาลมีเสถียรภาพ ไม่มีสัญาณยุบสภา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ประธานมูลนิธิหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช พร้อมด้วยแกนนำพรรค ลงพื้นที่เขตตลิ่งชัน มอบ ถุงน้ำใจ ปชป.” มอบให้ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่เขตตลิ่งชัน สำหรับบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พร้อม เปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในกลุ่มสตรี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 7 คน ประกอบด้วย
1. นางผุสดี วงศ์กำแหง เขตราชเทวี
2. นางสาวมาริยา ฤกษ์ดี เขตลาดกระบัง
3. ดร.สุรภา ประยงค์ระวิกูล เขตวังทองหลาง
4. นางนฤมล รัตนาภิบาล เขตบางกะปิ
5. นางสาวฉัฐภรณ์ ปานทอ เขตตลิ่งชัน
6. นางสาวนิภาพรรณ จึงเลิศศิริ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
7. นางศิรินทิพย์ มีนมณี เขตมีนบุรี
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการสะท้อนว่า พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญ และสนับสนุนสตรี เพื่อเข้ามามีบทบาททางการเมืองและรับใช้บ้านเมืองมากขึ้น โดยผู้สมัคร ส.ก. สตรีของพรรคจะมุ่งเน้นบทบาททั้งทางด้านการดูแลสุขภาพ เศรษฐกิจ และการศึกษาให้กับชุมชนต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครของแต่ละเขตที่รับผิดชอบ พร้อมกับทำหน้าที่ ส.ก. ให้สมบูรณ์ครบถ้วน และไม่ให้ประชาชนผิดหวังกับนักการเมืองสตรีของพรรค นอกจากนี้ผู้สมัคร ส.ก. สตรี ทั้ง 7 คนนี้จะได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ในคณะทำงานชุดต่างๆ ต่อไปอีกด้วย
สำหรับการจัดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมผู้สมัคร ส.ส. การเตรียมผู้สมัคร ส.ก. ถือว่าขณะนี้พร้อม 80-90% แล้วสำหรับตัวบุคคล ยังขาดเพียงไม่กี่เขตเท่านั้น สำหรับ ส.ส. เหลือเพียง 3 เขต ที่ยังไม่เคาะ การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ บัตร 2 ใบ เขตใน กทม. จะเพิ่มขึ้น จะต้องพิจารณาผู้ที่จะลงสมัครเพิ่มเติมต่อไป ส.ก. มี 50 เขต เคาะไป 40 กว่าเขตแล้ว
ส่วนเรื่องผู้สมัครผู้ว่า กทม นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ขอระบุชื่อ แต่ไม่ได้เป็นความลับถึงขั้นที่ต้องเก็บงำอะไร แต่ได้ตกลงกันว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งขณะนี้ พร้อมทั้งตัวบุคคล และนโยบาย
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายคนตั้งคำถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่บ่อยขึ้นเป็นสัญญาณของการยุบสภาหรือไม่นั้น ในส่วนเรื่องยุบสภาคงตอบอะไรล่วงหน้าไม่ได้ แต่การลงพื้นที่แบบนี้พรรคประชาธิปัตย์ทำมาอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำ และจะทำต่อไปในทุกพื้นที่ ทุกภาคทั่วประเทศ ซึ่งในปลายเดือนนี้ จะได้ไปภาคเหนือ 4 – 5 จังหวัด
ส่วนเสถียรภาพรัฐบาล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ว่า รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ และยังเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสม เพราะฉะนั้นแต่ละพรรคการเมืองที่เป็นทั้งแกนนำ และเป็นพรรคร่วมก็จะต้องดูแลพรรคตัวเองเป็นด้านหลัก ถ้าแต่ละพรรคมีเสถียรภาพก็จะส่งผลต่อรัฐบาลผสมให้มีเสถียรภาพตามไปด้วย