ทนาย ‘ทักษิณ‘ ยัน ไม่เคยส่งหนังสือขอความเป็นธรรมครั้งที่ 2 จ่อแจ้งความ ’หมอวรงค์‘ ปมถุงขนม 2 พันล้าน
วันนี้ (18 มิ.ย. 67) ที่ศาลอาญา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ และ นายประกันของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังศาลอนุญาตให้ประกันตัวนายทักษิณ คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ระบุว่า เบื้องต้น ขอขอบคุณศาลอาญาที่ได้พิจารณาคำร้องการปล่อยตัวชั่วคราว ในฐานะทนายความเราได้มีการเขียนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวซึ่งประกอบด้วยเหตุผลต่างๆ ที่สื่อได้นำเสนอข่าว
สำหรับเงื่อนไขการประกันตัว คือ ศาลยึดหนังสือเดินทางของนายทักษิณไว้ ซึ่งหากนายทักษิณต้องการเดินทางออกนอกประเทศจะต้องยื่นขออนุญาตเป็นครั้งไป ดังนั้นการยื่นขอประกันจึงไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งนายทักษิณไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางมานานแล้ว และฉบับใหม่ก็ยังไม่ได้ทำ การยื่นหนังสือเดินทางให้ศาลวันนี้จึงยังไม่เกิดขึ้น แต่เราจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ซึ่งจะต้องขอเวลาในการนำหนังสือเดินทางมาวางไว้เป็นหลักประกัน พร้อมยืนยันว่าเป็นพาสปอร์ตของประเทศไทย ส่วนหนังสือเดินทางของต่างประเทศนั้นนายทักษิณไม่ได้ใช้มานานแล้ว แต่นายทักษิณมีแพลนจะเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ
ในส่วนของอัยการที่ได้ฟ้องใน 2 ข้อหา คือ มาตรา 112 และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ , มาตรา 14 (3) และมาตรา 83 ซึ่งหมายความว่า การใช้มาตรา 83 มาเป็นส่วนประกอบในการบรรยายฟ้องนั้นก็เป็นเรื่องของตัวการร่วม ศึกษาหายอดนายทักษิณได้ร่วมกับบุคคลอื่นที่ยังจับตัวไม่ได้กระทำความผิด เมื่อฟังอย่างนี้ ทางทีมทนายความก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะเราทราบว่าการแสวงหาพยานหลักฐานหรือบุคคลที่ร่วมกระทำความผิด
กับนายทักษิณนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร
ขณะที่เรื่องของพยานหลักฐานนั้น ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 19 สิงหา 2567 เวลา 09:00 น. ซึ่งนายทักษิณจะเดินทางมาด้วยตัวเอง
ซึ่งจะได้เห็นอย่างเป็นทางการในวันนั้น
นายวิญญัติ ย้ำว่า ผู้สื่อข่าวชาวเกาหลีใต้ มีชื่อ นามสกุล และสังกัดชัดเจน จึงเกิดคำถามว่าเหตุใดจึงไม่เดินทางไปสอบปากคำ ทั้งที่เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ซึ่งความผิดนอกราชอาณาจักรพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนมีงบประมาณ และวิธีการที่จะแสวงหา แต่เมื่อไม่ได้ทำก็ต้องเตรียมคำตอบให้ดี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องการแสวงหาข้อเท็จจริงจะเป็นข้อต่อสู้หลักในชั้นศาลหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า มันเป็นข้อต่อสู้ที่เราได้เสนอมานานแล้ว ยังมีรายละเอียดแต่ในข้อต่อสู้ในชั้นศาล ยังมีรายละเอียดอีกหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หรือข้อมูลพยานดิจิทัล เพราะการรับฟังพยานที่เป็นดิจิทัลก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากองค์กรตุลาการสมัยใหม่ก็มีการรับฟังข้อมูลทางดิจิทัลหรือพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะต้องนำมาสืบพยานในชั้นศาล
ส่วนพยานที่จะมาต่อสู้คดีในชั้นศาลของนายทักษิณจะมีพยานทั้งหมดกี่ปากนั้น ตนเองไม่สามารถตอบได้ ต้องการใช้พยานกี่ปากจะต้องไปดูว่าประเด็นที่เคยเสนอไปในชั้นสอบสวนเพิ่มเติมนั้นเพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอได้ แต่ก็เชื่อว่าอัยการจะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความใน Facebook พาดพิงถึงขบวนการถุงขนมภาค 2 ที่มีความเชื่อมโยงไปถึงนายทักษิณ และบุคคลระดับสูงในกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ นายวิญญัติ กล่าวว่าไม่รู้ว่านายแพทย์คนดังกล่าวเป็นหมอหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่เหตุผลที่อยากให้พิจารณา คือการพูดอะไรก็ตามโดยเฉพาะการพูดถึงกระบวนการยุติธรรม และสำนักงานศาลยุติธรรม ตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา เท่าที่ตนเองได้สัมผัสทบุคลากรในกระบวนการศาลการรับฟังอะไรต้องมีพยานหลักฐานที่ควรเชื่อถือและรับฟังได้ทมิฉะนั้นต่อไปใครก็สามารถนำข่าวหรือตัดหรือ Facebook มาเป็นพยานหลักฐานว่าใครทำก็ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการพาดพิงไปยังผู้บริหาร อดีตคนในวงการตุลาการ เป็นสิ่งที่ทำให้เสียหาย และคนพูดรับผิดชอบต่อสิ่งที่พูดหรือไม่
ส่วนนายทักษิณจะฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ในฐานะทนายความ มองว่าข้อความดังกล่าวทำให้ประชาชนทราบอยู่แล้วว่าหมายถึงใคร จะยืนยันว่าจะฟ้องร้องนายแพทย์วรงค์อย่างแน่นอนโดยเรียกค่าเสียหายหลายร้อยล้านบาทอีกด้วย โดยสัปดาห์หน้าจะแจ้งให้สื่อมวลชนได้ทราบ
ส่วนกรณีที่อดีตอัยการสูงสุดท่านหนึ่งได้บอกว่าให้นายทักษิณเคารพกระบวนการยุติธรรมนั้น นายวิญญัติกล่าวว่า การที่บอกให้นายทักษิณเคารพกระบวนการยุติธรรมตนเองจะไม่ขอก้าวล่วง แต่จะแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่จะแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมที่สุดในการเคารพกระบวนการยุติธรรมคือการปฎิบัติตามกฏหมายที่บัญญัติไว้ โดยไม่เลือกปฏิบัติและเท่าเทียมกัน ทำให้ เกิดความยุติธรรม
เมื่อถามถึงบรรยากาศในห้องพิจารณาคดีเป็นอย่างไรบ้าง นายวิญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณไม่มีอาการเครียด เพราะรักษาสุขภาพมาเป็นอย่างดีและยืนยันว่าสิ่งที่กระทำนั้นไม่มีเจตนาในการกระทำความผิด ท่านจึงมาด้วยความมั่นใจว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งต่อไปอาจจะได้เห็นนายทักษิณแจ้งความเองก็เป็นได้ ส่วนข้อคำถามที่ว่าท่านจะฝากอะไรหรือไม่นั้น ท่านก็อยากขอบคุณที่ได้ให้ความสนใจ
ทั้งนี้ นายวิญญัติ ยืนยันว่า กรณีนายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์ที่จังหวัดปทุมธานีกรณีว่าถูกพนักงานสอบสวน ที่ทำคดีข่มขู่นั้น นายวิญญัติ ระบุว่า เป็นการสัมภาษณ์ตามความเห็น และเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่การสัมภาษณ์กับเรื่องการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมซึ่งเป็นหนังสือราชการ และบรรจุไว้ในสำนวนการสอบสวนซึ่งอัยการสูงสุดน่าจะมีคำสั่งแล้ว มองว่าเป็นคนละเรื่องกัน จำได้ว่าตนเองทำหนังสือก่อนที่นายทักษิณจะให้สัมภาษณ์ และยังไม่เห็นหนังสือตอบจากอัยการสูงสุด เข้าใจว่าเป็นการมอบหมายให้อัยการที่รับผิดชอบ หรือสำนักงานคดีอาญา 8 แจ้งหนังสือตอบกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้หนังสือฉบับดังกล่าวได้ส่งไปถึงอัยการสูงสุดแต่จะมีดำริส่งไปถึงใครก็เป็นดุลยพินิจของอัยการสูงสุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้นายทักษิณจะไม่สามารถพูดได้แล้วใช่หรือไม่ว่าตัวเองถูกยัดข้อกล่าวหา นายบัญญัติ กล่าวว่า ท่านสามารถพูดได้ตามสิทธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ห้ามใครพูดอะไร แต่การพูดต้องไม่ละเมิดอำนาจศาล ส่วนจะกระทบต่อรูปคดีหรือไม่ตนไม่มีความเห็นเพราะท่านยังไม่ได้พูด ส่วนจะมีการดำเนินคดีกับอัยการ ที่ออกมาพูด หรือไม่นั้น ขอให้รอนิดหนึ่ง เมื่อศาลนำคดีขึ้นพิจารณา แล้วตนเองนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ในศาลแล้ว จะเห็นว่าสิ่งที่ตนพูดจริงหรือไม่จริง
ส่วนเหตุผลที่นายทักษิณไม่ยอมปรากฏตัวให้สื่อมวลชนเห็นในวันนี้เนื่องจากมีภารกิจต่อ ซึ่งการไม่ปรากฏตัวไม่ใช่การหลบเลี่ยง หรือไม่อยากให้พี่น้องสื่อมวลชนเห็น ประกอบกับขณะนี้เป็นเวลาเที่ยง ต้องทานอาหารและอาจจะมียาประจำตัวด้วย
ส่วนจะมีคำพิพากษาจากศาลในปีหน้าหรือไม่นั้น ตนเองไม่สามารถบอกได้ เพราะเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมจะต้องพยายามทำด้วยความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรม จะเร็วหรือไม่ขึ้นอยู่กับ กระบวนการ
เมื่อถามว่านายทักษิณพร้อมแล้วใช่หรือไม่ที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นายวิญญัติยืนยันว่า “ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะหากไม่พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมท่านก็คงไม่มาในวันนี้”