POLITICS

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ชี้ ต้องจับกุมบิ๊กบอสตัดวงจรสแกมเมอร์ ถ้าจัดการไม่ได้ ทุนจีนเทาจะกลับมาใหม่แน่นอน

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ถามหามาตรการเฟส 2 ปราบคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล ต้องจับกุมบิ๊กบอสตัดวงจร สแกมเมอร์ ไม่เชื่อรีแบรด์ชเวก๊กโก่จะสร้างภาพเมืองใหม่ได้ ถ้าจัดการไม่ได้ ทุนจีนเทาจะกลับมาใหม่แน่นอน

วันนี้ (18 มี.ค. 68) ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ The Reporters ประเมินผลการปฏิบัติในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล จากมาตรการ 3 ตัด กดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ผ่านมากว่า 1 เดือน จากวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 และจากการปราบปรามของกองกำลัง BGF ที่ครบ 1 เดือนไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568

  • มาตรการ 3 ตัดเฟส 1 เห็นผลขาดแรงงานในอาชญากรรมข้ามชาติ

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าวว่า มาตรการ 3 ตัด เป็นการพยายามรื้อโครงสร้างพื้นฐานของอาชญากรรมข้ามชาตินี้ ซึ่งผลที่เห็นขณะนี้ชัดเรื่องหนึ่งว่าไม่มีแรงงานในระดับแรงงานทำงานกับขบวนการนี้ อย่างน้อยในเขตเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา

“การตัดไฟฟ้า-เนต-น้ำมัน เป็นยุทธศาสตร์ที่ดี เป็นมาตรการในเฟส 1 ซึ่งก็มีประสิทธิภาพ แต่เฟส 2 จะทำอะไร เพราะการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะจัดการกับแรงงานระดับฐานรากอย่างเดียวไม่ได้ หัวหน้าใหญ่ยังอยู่ เรายังไม่พบว่า รัฐบาลมีแผนเฟส 2 ต่อเนื่องอย่างไร หลังตัดน้ำไฟแล้วจะทำอะไรต่อ เท่าที่ติดตามในสื่อที่ผ่านมา ยังไม่เห็นว่าเฟส 2 ทำอะไร”

  • ถามหามาตรการในเฟส 2

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าวว่า สิ่งที่ขับเคลื่อนในแก๊งอาชญกรรมคือทุนมหาศาล ตราบใดที่ไม่สามารถทำลายตัวทุนและหัวหน้าแก๊งได้ การส่งกลับคนจีนกลับไปอย่างรวดเร็ว หรือการไม่ตรวจสอบเครือข่าย ไม่สามารถเข้าไปทุนใหญ่ที่เข้าไปขับเคลื่อนในขบนการอาชญากรรมนี้

“เราเห็นภาพคนเป็นพัน เรือนหมื่น เขาเดินทางเข้ามาภายใน 1 ปี คนเยอะขนาดนี้ แสดงว่าการรวบรวมคนมาทำงานในอาชญากรรมพวกนี้ทำได้ง่ายมาก พวกเขาสามารถทำได้ใหม่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการที่จีนจะมากวาดล้างแล้วจับส่งกลับประเทศไปแล้ว แต่หัวหน้าและทุนยังอยู่ เครือข่ายเดิมทั้งค้ามนุษย์และฟอกเงินยังอยู่ ในที่สุดมันก็จะร่วมมือกลับมาทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ และเอาคนมาเรือนพัน เรือนหมื่น กลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้”

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว มองว่า มาตรการในเฟสแรก ตัดน้ำตัดไฟ สามารถจัดการกับพวกเป็นเบี้ยระดับล่าง เป็นผู้ถูกจ้าง แต่ไม่สามารถไปสาวถึงตัวทุนใหญ่ ทางตำรวจบอกจัดการไปได้ 30% จึงต้องถามว่าจัดการจากอะไร จากเคสที่เข้าถึงตำรวจน้อยลง หรือจำนวนโทรศัพท์ที่มีมาน้อยลง หรือเพราะอะไร เพราะบรรดา บริษัทเหล่านี้อยู่ในช่วงการซ่อนตัว

“คุณไม่ได้ทำลายฐานเงินเลย ตราบใดที่ยังมีฐานทุนใหญ่ในมือ พร้อมไปลงทุนที่ใหม่ หรือที่เดิมก็ได้ อาจกลับมาเหมือนเดิม 30% คำนวณบนฐานขาดพื้นฐานความเข้าใจปัญหา มีความตั้งใจจะทลายกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาตินี้จริงแค่ไหน จึงต้องถามไปถึงตำรวจและรัฐบาลด้วย เพราะที่ผ่านมาเป็นการทำงานแสดงภาพให้เห็นว่าเราได้เริ่มแล้ว เริ่มเฟส 1 แล้ว แต่ถ้าไม่มี เฟส 2-3 ตามมาก็เป็นแค่การแสดงละครเท่านั้น”

  • เรียกร้องจับตัวบิ๊กบอสที่หลบซ่อนอยู่ในเมืองใหญ่

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ระบุว่า ในทางการข่าวทราบดีว่าหัวหน้าใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พวกบอสใหญ่ หนีไปเมืองใหญ่ในเมียนมา บางคนอาจหลบมาในไทย อยู่เมืองใหญ่แน่ ๆ แต่ไม่พบว่ารัฐบาลไทยใช้กลไกอาเซียนขอให้รัฐบาลเมียนมา จัดการส่งตัวคนเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ไม่พบการติดตามตัวบิ๊กบอสเหล่านี้ อย่างที่มีการประชุมอาเซียนช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เห็นเรื่องนี้เป็นวาระการประชุม ไม่พบแถลงการณ์ที่จะจัดการกับหัวหน้าใหญ่ที่หลบซ่อนตัวในเมืองใหญ่ เช่นย่างกุ้ง อย่างไร เรื่องนี้รัฐบาลเมียนมา และหม่อง ชิตตู่ มีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ไม่พบว่ามีการทำเรื่องนี้ให้กระจ่ายอย่างไร จึงต้องหามาตรการเฟส 2 ในการจับกุมตัวระดับหัวหน้า

“มีสื่อหลายสำนักรายงานว่า ระดับบิ๊กบอส ไม่ได้เดินทางผ่านท่าข้ามหรือข้ามแดนในพื้นที่ไม่เป็นทางการ ข่าวออกมาถ้าจริงต้องตั้งคำถามกันว่า สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1-2 เราทราบดีว่าข้อกำหนดให้เฉพาะไทยและเมียนมาข้ามได้เท่านั้น แต่คนระดับบิ๊กบอสชาติอื่นมาข้ามทางนี้ทำได้อย่างไร จะเกี่ยวข้องกับการรับส่วยสินบนหรือไม่ กับการให้หัวหน้าใหญ่ใช้การข้ามด่านถาวรได้ยังไง”

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ระบุว่า เราทราบดีว่าขบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นจากการทุจริตคอรัปชั่น คอยอำนวยความสะดวก เครือข่ายนี้ไม่ได้อยู่ได้ด้วยน้ำมันของไทย แต่อยู่ได้ด้วยการอุปถัมภ์ของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสองฝ่าย ถ้าไม่ล้างบางเครือข่ายนี้อย่างจริงจัง เมืองแม่สอดที่ยังเอื้อต่ออิทธิพลมืดนี้ การทำงานที่ผ่านมาทำให้กลุ่มเหล่านี้หลบเข้าที่ซ่อน พอเหตุการณ์สงบ เครือข่ายเดิมยังอยู่ มันจะกลับมาเหมือนเดิม

“เฉพาะกรณีพื้นที่เมืองชายแดน เรายังไม่พูดถึงธุรกรรมการเงิน และเส้นทางการเงิน ถ้าผ่าน NRM ที่มีรายละเอียดจะทำให้รู้ว่าคนเหล่านี้ถูกจ้างมาอย่างไร ใครเกี่ยวกับบัญชีม้า เส้นทางการเงิน คนระดับบอส เงินจะส่งไปที่ไหน ส่งไปบัญชีม้าไหน ใครรับจ้างไปฟอกเงิน คนระดับผู้จัดการต้องรู้ คนระดับล่างที่เป็นแรงงานจะรู้ว่าเครือข่ายค้ามนุษย์ บริษัทอะไร เปิดเพจอะไร ใครอยู่ขบวนการนำพาตัวเขามายังแม่สอด และในแม่สอดใครมีหน้าที่ รับเงินพาพวกเขาไปท่าข้ามทั้งหลาย คนที่ถูกจับกันมา แต่ละคนกุมข้อมูลแต่ละด้าน ถ้าไม่ไต่สวนอย่างละเอียด จะพลาดข้อมูลทั้งสองก้อน ไปโดยปริยาย”

  • เสียดายไทยไม่ตรวจสอบไปถึงตัวอาชญากรข้ามชาติ

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ระบุว่า น่าเสียดายที่ไม่สามารถตรวจสอบไปถึงแก๊งค์อาชญากรได้ หัวหน้าบริษัททั้งหลายจะมีข้อมูลการเดินทางของเงิน และการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว อย่างข้อมูลดิฉันไปอยู่ในมือคนพวกนี้ต้องซื้อขายในตลาดมืด ธุรกิจซื้อขายผิดกฎหมายจะประกอบไปด้วยอะไร เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทางการไทย ที่จะขยายผลไปจับกุม การปล่อยไป หรือให้กลับไปอย่างรวดเร็ว ผู้ต้องหาชาวจีน เราปล่อยให้ฐานข้อมูลใหญ่พวกนี้หลุดออกไป โดยไม่ได้ทำอะไรกับมันเลยเพราะอะไร และถ้ากลุ่มเหล่านี้มาดำเนินการต่อจะใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิม มาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายอีกครั้ง

  • เสนอใช้ พ.ร.บ.การมีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติ ขึ้นบัญชีอาชญากรในเฟส 2

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว คาดหวังว่า การแถลงข่าวของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหม จะแถลงในอีก 2-3 วันข้างหน้าจะมีเรื่องนี้ ถ้าไม่มีก็ต้องตั้งคำถามว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์หรือไม่ตั้งใจจริงที่จะปราบปราม หลายคนก็ตามมาตลอดว่า การออกหมายจับ ชิตตู่ การไม่ประกาศว่ากลุ่มคนเหล่านี้เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จะทำให้คนเหล่านี้สร้างภาพไปได้อีกแค่ไหน

“การสร้างภาพใหม่ของเมืองชเวก๊กโก่ เปลี่ยนภาพของเมืองอาชญากรรมให้กลายเป็นเมืองใหม่ เป็นเรื่องตลกมาก ใครที่เคยเห็นเมืองพวกนี้จะเห็นว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ เป็นฟาร์มไก่ หรือการตั้งโรงงาน อย่างฟาร์มไก่มีอยู่แล้ว เมืองอาชญกรรมมีกิจกรรมภาคเกษตรไว้โชว์ มาเป็นเมืองพัฒนาเศรษฐกิจ แบบตัวอย่างคิงส์โรมัน สามเหลี่ยมทองคำ ทำมาก่อนแล้ว การส่งเสริมชาวบ้านทำเกษตร ไว้โชว์ เป็นกิจกรรมที่เล็กมาก ไม่มีผลกับเศรษฐกิจของชาวบ้าน”

  • ไม่เชื่อการรีแบรนด์เมืองชเวก๊กโก่จะปลอดจากคอลเซ็นเตอร์ได้จริง

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าวว่า ทุนพวกนี้เป็นทุนสแกมเมอร์ เป็นทุนอาชญากรรม เป็นทุนคาสิโนมาก่อน การรีแบรนด์เมืองใหม่ ถามว่าที่ทำใครจะไปเที่ยว นักท่องเที่ยวที่ไหนจะเที่ยวชเวก๊กโก่ ซึ่งแผนพัฒนาเหล่านี้ก็อยู่ในแผนที่เข้ามา ก็เอาไว้โชว์ ให้คนทำงานไปเที่ยว ชเวก๊กโก่ ไม่ได้อยู่ในเป้าหมายการท่องเที่ยว ใครจะไปเที่ยว ทัวร์จีนมาไทยน้อยลง และชเวก๊กโก่เป็นเมืองสแกมเมอร์ การพยายามรีแบรนด์จึงเป็นไปไม่ได้ ก็ไว้โชว์นักข่าว

” ถ้าต้องการรีแบรนด์จริง กลุ่มอาชญากรรมต้องมอบตัวกับทางการ ยอมรับผิดว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของการค้ามนุษย์ ก่อนจะหานักลงทุนใหม่ มาลงทุนในพื้นที่นี้ แต่ตราบใดที่ตัวหัวหน้าใหญ่ยังไม่รับผิดว่าเกี่ยวข้องและบริหารอยู่ในขบวนการเดิม ก็เป็นเพียงการสร้างภาพชั่วคราว เป็นกิจรรมหน้าฉาก ส่วนหลังฉากก็ยังมีอยู่ คิงส์โรมัน ก็ทำท่องเที่ยวเป็นพียงหน้าฉาก แต่กิจกรรมที่สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจจีนพวกนี้เป็นกิจกรรมสีเทา ค้ามนุษย์ ค้ายา”

  • Rebrand เมืองชเวก๊กโก่ ก็จะไม่ต่างจากสามเหลี่ยมทองคำ

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ระบุว่า หม่อง ชิตตู่ ต้องหยุดกิจกรรมสร้างภาพนี้ไม่ทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น สิ่งที่ดีขึ้นคือมอบตัวกับทางการ เงินที่ได้ไปจากอาชญากรรมพวกนี้เอามาชดใช้เหยื่อที่เสียหาย ซึ่งพื้นที่เมียวดีก็ยังอยู่พืท้นที่สู้รบ พื้นที่สงคราม ที่มีปัจจัยเรื่องการสร้างสันติภาพมาเกี่ยวข้องด้วย

“เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกเมืองชายแดนเมียนมาแยกอออกกระบวนการประชาธิปไตยในเมียนมา หม่อง ชิตตู่ จะทำเป็นเมืองท่องเที่ยวนั้นได้เหรอ ท่องเที่ยวสงครามเหรอ เป็นไปไม่ได้มันย้อนแย้ง สภาพการณ์ที่สงครามยังยุติ และอำนาจส่วนกลางเข้าไม่ถึง ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นสูญญากาศทางการเมือง ทางที่เกิดขึ้นได้ในเฟสต่อไป อาจจะไม่ก่เดือน เจ้าเก่า นักลงทุนเดิมจะกลับมา รัฐบาลเมียนมาเล่นสองหน้า ลอยตัวว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ให้ที่พักพิง และต้องไม่ทำให้เมืองเหล่านี้ย้อนกลับไปเป็นเมืองอาชญากรรม และ 30% ที่ว่าดีขึ้นนั้นไม่ยาวหรอก มันจะกลับมาอีก”

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว กล่าวว่าการที่บิ๊กบอสใหญ่ยังลอยนวล เมืองสแกมเมอร์ถูกปล่อยให้เป็นแบบนี้ สะท้อนท่าทีอะไรของรัฐบาลจีน อาจเป็นไปได้ว่าจีนไม่มีอำนาจโดยตรงตรงนี้ หรือยุทธศาสตร์ที่จีนใช้ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ชายแดน เช่นสามเหลี่ยมทองคำ จีนไม่แตะต้องเจ้าเหว่ยเลย ทั้งๆที่เป็นสแกมเมอร์เมืองใหญ่ จีนอาจใช้กรณีที่เมียวดีเป็นเครื่องมือแบบที่ทำในสามเหลี่ยมทองคำ

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat