POLITICS

‘พ.ต.อ.ทวี’ บอกเป็นเรื่องดี หลัง ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน ปม ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น 14

‘พ.ต.อ.ทวี’ บอกเป็นเรื่องดี หลัง ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน ปม ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น 14 ไม่กังวลอาจหลุดเก้าอี้ รมต.

วันนี้ (17 ธ.ค. 67) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนกรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมด 12 คน ส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณอยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริงว่า ได้ทราบข่าวแล้ว ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นทั้ง 12 คนที่ถูกระบุชื่อ เพราะได้เห็นหลักฐานแล้ว ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ตามหลักวิชาชีพที่เป็นสากลทุกประการ และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม การเข้าไปไต่สวนจะทำให้บุคคลที่ยังไม่ได้ส่งหลักฐานจะได้มอบข้อมูลและหลักฐาน เนื่องจากเรื่องนี้มีประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย กรณีผู้ป่วยจะมีกฎหมายคุ้มครอง จึงไม่ได้นำหลักฐานส่งไป ซึ่งได้เคยสอบถามไปว่าหากมอบหลักฐานไปแล้ว และมีการนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองก็จะนำเรื่องนี้ไปส่งมอบให้กับ ป.ป.ช. ตนเองเชื่อมั่นว่า ป.ป.ช. จะอยู่บนเหตุผลและข้อมูล ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ต่อไปนี้ประเด็นนี้จะเข้าสู่กระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย

กฎหมายถูกเขียนเอาไว้ก่อนที่บุคคลจะมาที่เรือนจำ ซึ่งผู้คุมขังประกอบด้วย 1.ราชทัณฑ์ 2.กฎกระทรวงคือโรงพยาบาล 3.ที่คุมขังอื่น ถือเป็นหลักสากล แต่ประการสำคัญคือกระบวนการเรื่องป่วย ทั้งแพทย์และบุคลากรมีความมั่นใจ หากได้ดูเวชระเบียนหรือหลักฐานซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่เช่นนั้นจะเอาไปพูดในสถานที่ต่าง ๆ หากใครมีพยานหลักฐานควรจะนำไปมอบให้กับ ป.ป.ช. ตนเองเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน เพราะเขามีประวัติและผลงานเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และการทำงานตรงไปตรงมา อย่ามองว่ากรมราชทัณฑ์จะเข้าข้างใคร กรมราชทัณฑ์ไม่เคยอคติกับใคร เราต้องบริหารงานตามกฎหมาย อาจจะไม่มีดุลยพินิจด้วยซ้ำไปเพราะกฎหมายเขียนไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่าถือเป็นเรื่องที่ดีใช่หรือไม่ที่จะได้พิสูจน์ความจริงกันไปเลย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งการรับเรื่องไว้ไต่สวนก็มีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีมุมมองเรื่องป่วยจริงหรือไม่ป่วยจริง และหลักฐานทางการแพทย์ ในฐานะที่ได้เห็นผ่านตา ในบางช่วงยืนยันว่าหลักฐานมีครบทุกอย่าง และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ให้ผู้ที่ถูกระบุชื่อได้ไปชี้แจง

เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นฝ่ายปฏิบัติที่ถูกตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คงไม่ เพราะ ป.ป.ช.ก็เขียนระบุไว้อยู่แล้ว เพียงแต่เขามองว่า ในขณะนั้นตนยังไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ป.ป.ช.เป็นองค์กรที่จะต้องดำเนินการไต่สวน หากสืบสวนแล้วไม่มีมูลก็ไม่รับ ซึ่งมีเรื่องที่ถูกร้องเรียนและไม่ถูกชี้มูลก็เยอะ

ส่วนประเด็นดังกล่าวที่อาจทำให้ตนเองหลุดออกจากเก้าอี้รัฐมนตรี ตนเองไม่ได้กังวล เพราะเรายึดมั่นในข้อเท็จจริงและหลักกฎหมาย และนายทักษิณถูกควบคุมตามกฎหมาย เพียงแต่ไม่สะใจกับคนบางกลุ่ม เช่น รายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่เคยกล่าวอ้าง ซึ่งไม่เคยสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องเลย เป็นเพียงการเรียกบุคคลแล้วเอาความคิดเห็น ซึ่งหากเอาความเห็นของคนที่อยู่ตรงข้ามก็จะปรากฏเช่นนั้น ไม่ใช่ความเห็นปกติในการสืบสวนสอบสวน เขาควรจะเอาประจักษ์พยาน ผู้รู้ผู้เห็นจริงและอยู่ในเหตุการณ์ เรายืนยันว่าโรคที่ปรากฏนั้นเกินกว่าศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และการส่งตัวทุกแห่ง กฎหมายไม่ได้ให้ถามโรงพยาบาล กฎหมายให้สถานพยาบาลของเรือนจำซึ่งมี 400 กว่าแห่ง ซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่ไม่มีแพทย์ มีแพทย์แค่ทัณฑสถาน ส่วนที่อื่น ๆ จะมีแค่พยาบาลหรือบุคคลที่ผ่านการฝึกอบรมเท่านั้น เมื่อประเมินแล้วก็ส่งตัว ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่ระบุว่าให้ส่งตัวโดยเร็ว

ส่วนประเด็นที่มีความสงสัย ทุกคนจะเอาข้อมูลไปส่งให้กับ ป.ป.ช. ตนเองเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว หากใครที่ไม่พอใจประเด็นใดก็นำหลักฐานไปส่งให้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง สำหรับความกังวลที่เจ้าหน้าที่จะเกียร์ว่างเนื่องจากทำแล้วจะต้องถูกตรวจสอบนั้น ตนเองมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่เคยทำอะไรเพื่อส่วนตัว อยากให้ข้าราชการทำตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากประเด็นของนายทักษิณเคลียร์แล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับมาง่ายขึ้นใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมายคือ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราพัฒนากระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และหากใครเห็นว่ากฎหมายนี้ไม่ดีหรือต้องมีการแก้ไข สามารถมาเสนอแนะได้ซึ่งเรารับฟัง แม้แต่ข้อเสนอแนะของ กสม. เกี่ยวกับกฎกระทรวงดังกล่าว ทำไมไม่ให้อำนาจรัฐมนตรีในการพิจารณา ให้เพียงแค่รับทราบ ซึ่งเป็นกฎกระทรวงเก่า แต่อย่างไรก็ตามการรับทราบไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีจะไม่ดูแล ซึ่งกรณีดังกล่าวกรมราชทัณฑ์ได้ส่งใบแพทย์และได้สอบถามหลายครั้ง ซึ่งได้เห็นและเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่จะรับไว้

ที่สำคัญนายทักษิณอยู่ในหลักเกณฑ์การถูกคุมขังของราชทัณฑ์ครบตามกฎหมาย ไม่ได้มีชั่วโมงไหนที่ไม่ได้อยู่ในที่คุมขังซึ่งหมายถึงเรือนจำ ซึ่งทุกสถานที่ไม่ใช่เฉพาะกรณีของนายทักษิณ แต่ทุกที่ที่มีคนป่วย

Related Posts

Send this to a friend