POLITICS

‘ณัฐชา’ เผย รอดูหน้าตาพรรคจัดตั้งรัฐบาลก่อนตัดสินใจโหวตไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง

ยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่อภิปรายคุณสมบัติ ‘เศรษฐา’ ย้ำ วาทกรรม ‘ก้าวไกล’ ต้องโหวตหนุน ‘เพื่อไทย’ ไม่ใช่การปิดสวิตซ์ สว. แต่เป็นการปิดสวิตซ์ก้าวไกล

วันนี้ (17 ส.ค. 66) ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคือบุคคลที่จะมาทำงานให้ประชาชนในอีก 4 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้น ทิศทางในการทำงานเป็นอย่างไร ก็ควรให้ผู้แทนในสภาฯ ได้สอบถาม ซึ่งที่ผ่านมาการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เราก็ได้มีการซักถามเป็นวงกว้างว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีแนวคิดแนวปฏิบัติอย่างไรและจะดำเนินงานในการเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างไร แน่นอนว่าครั้งนี้คือการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง จะเป็นใครก็สุดแท้แต่พรรคเพื่อไทย

“ถ้าเกิดมีเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเพื่อนวุฒิสภาจะสอบถามในสภา ก็สามารถเข้ามาชี้แจงได้ ประธานสภามีอำนาจในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงโดยใช้บัลลังก์” นายณัฐชา กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลเตรียมอภิปรายคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ในคุณสมบัติเราไม่ได้มีการสอบถาม ที่ผ่านมาได้ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านพี่น้องประชาชนมาแล้ว ประชาชนได้ตัดสินใจ จากการหาเสียงตลอดระยะเวลาที่ลงเลือกตั้งไปแล้ว ซึ่งในส่วนของประเด็นข้อซักถามต่าง ๆ อาจจะไม่ได้ ทางนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ได้นำเสนอกับสื่อมวลชนไปแล้วว่าในที่ประชุมพรรคของเรา มีความเห็นจะไม่โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา เนื่องจากความคลุมเครือในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งวันนี้ ก็ยังไม่เห็นหน้าตารัฐบาลใหม่ ว่าจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลจะตัดสินใจงดออกเสียงหรือไม่เห็นชอบ นายณัฐชา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถมองหน้าตารัฐบาลใหม่ได้ว่าเป็นใคร เราก็ให้โอกาสจนถึงนาทีสุดท้ายของวันที่ 21 ส.ค. ว่าสุดท้ายแล้ว จะประกาศความชัดเจนออกมาหรือไม่ ในส่วนของงดออกเสียง หรือไม่เห็นด้วยก็จะไปอยู่ในวันนั้น แต่ถ้าไม่เห็นความชัดเจนใด ๆ ก็คงต้องโหวตไม่เห็นชอบ

เมื่อถามว่านายเศรษฐา ดีกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า แน่นอนว่าที่เราหาเสียงเลือกตั้งมา ความจริงแล้วพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล มีนโยบายหลายด้านที่ใกล้เคียงกัน แต่ความประสงค์ของประชาชนภายหลังการเลือกตั้ง ที่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลร่วมกันจับมือในการจัดตั้งรัฐบาล

“ช่วงหาเสียงที่ผ่านมาเราได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนว่า สิ่งที่เราไม่เห็นด้วย สิ่งที่เราเห็นต่างกับพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเขาคือ พล.อ.ประวิตรมีเหตุผลอะไรบ้าง เราก็บอกกับพี่น้องประชาชนไปแล้ว และประชาชนก็ได้ตัดสินใจแล้ว” นายณัฐชา กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ จะเสนอญัตติให้สภาทบทวนญัตติว่าสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำ จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำกับวันที่ 19 ก.ค. หรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่าเมื่อสภาผูกสภาก็ต้องเป็นคนแก้ โดยการทบทวนญัตติที่ลงมติไปแล้ว

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่มีคนมองว่าพรรคก้าวไกลไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทย ผิดกับคำพูดที่บอกว่าจะช่วยปิดสวิตช์ สว. นายณัฐชา คิดว่า วาทกรรมการบอกว่าก้าวไกลต้องโหวตให้เพื่อไทย เพื่อปิดสวิตช์ สว. นั้น มันไม่ใช่ ก็ตอนนี้ สว. กำลังใช้กลไกของเขาในการไม่โหวตให้มติของประชาชน การปิดสวิตช์ สว. นั้น คือให้ สว.ไม่มีความหมาย ในการโหวตนายกรัฐมนตรี คือการใช้สิทธิ์ของสภาล่างอย่างเดียว

“ตอนนี้ที่เราพูดกัน 312 เสียง เป็นเสียงข้างมากของ 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นในการปิดสวิตช์ สว. คือการให้เสียงของ สส. มีอำนาจมากกว่า แต่ตอนนี้ สว.ได้ประสบความสำเร็จแล้ว ในการไม่โหวตให้แคนดิเดตที่มาจากพรรคอันดับหนึ่ง เป็นการบีบโดยการ บอกว่าจะไม่โหวตให้พรรคโน้นพรรคนี้ แล้วบอกว่าให้พรรคการเมืองต้องกลัว สว. โดยไปโหวตให้แล้วบอกว่า นี่คือการปิดสวิตช์ สว. ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องเป็นการบีบทางอ้อมและเป็นการร่วมกันปิดสวิตช์พรรคก้าวไกลมากกว่า” นายณัฐชา กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าจะไม่กลายเป็นการให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับ 2 ลุงโดยชอบธรรม เพราะเขาหาเสียงไม่ได้แล้ว นายณัฐชา กล่าวว่า ความชอบธรรมที่สุด คือการจับมือ 312 เสียง คือความชอบธรรมที่สุด และเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนที่สุด และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ดีที่สุด ด้วยการจับมือ 312 เสียง เนื่องจากเป็นเสียงที่มาจากพี่น้องประชาชนต้องการ เป็นฟากฝ่ายที่พี่น้องประชาชนต้องการให้บริหารบริหารราชการแผ่นดิน

นายณัฐชา ระบุต่อว่า หากมีช่องทางมาสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้พรรคก้าวไกลก็จะทำ เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน วันนี้ 151 เสียงของพรรคก้าวไกลก็ยังยืนหยัดที่อยากจะต่อสู้เพื่อเพื่อความต้องการของพี่น้องประชาชน แต่เนื่องจากเราไม่สามารถทำได้ เพราะเราไม่มีเสียงสนับสนุน ดังนั้น ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้งสำคัญ และการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือการตัดสินใจเลือกใครเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเรานั้นต้อง สังเกตดี ๆ

Related Posts

Send this to a friend