‘สุริยะ‘ เผย นายกฯ สั่งดำเนินคดีทางแพ่ง -อาญา หากผลสอบพบเป็นความผิดผู้รับเหมาเหตุคานเหล็กถล่มพระราม 2
‘สุริยะ‘ เผย นายกฯ สั่งดำเนินคดีทางแพ่ง -อาญา หากผลสอบพบเป็นความผิดผู้รับเหมาเหตุคานเหล็กถล่มพระราม 2 บอก ใช้ พ.ร.บ.จัดจ้างขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมาได้ ไม่ต้องรอสมุดพกเสร็จเม.ย.นี้ ชี้ เกิดซ้ำซากไม่ได้หละหลวม แต่เกิดจากประมาท ยัน ถนนสร้างทันกรอบเดิมสิ้นปี 68 แน่นอน
วันนี้ (17 มี.ค. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมหารือถึงการวางมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนและเส้นทาง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกิดเหตุคานเหล็กถนนพระราม 2 ในโครงการทางทางพิเศษสายพระราม3-ดาวคะนอง ว่า วันนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตนเองเชิญหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน หรือ รฟม. มารายงานถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผู้เสียชีวิต โดยนายกรัฐมนตรี สั่งการว่าหากมีการตรวจสอบแล้ว หากเกิดจากความผิดของบริษัทผู้รับเหมา หรือผู้ควบคุมงาน ก็ให้ใช้กฎหมายที่มีอยู่ ตามบทลงโทษสูงสุดมาตรา 109 หมวด 12 ในพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560 ว่าด้วยการทิ้งงาน
เมื่อถามว่ามีการรายงานถึงมาตรการสมุดพกเพื่อตัดแต้มผู้รับเหมาหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ทางอธิบดีกรมบัญชีกลางระบุว่า มาตรการปัจจุบันตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง สามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้ามาใช้ได้เลย ไม่ต้องรอมาตรการสมุดพก ซึ่งแต่ละกรมต้องใช้ดุลยพินิจ และทางเจ้าหน้าที่ก็ห่วงว่าอาจถูกฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าควรตรวจสอบให้ชัดเจน และหากเป็นความบกพร่องของผู้รับเหมา ก็ยืนยันว่าจะใช้มาตรการสูงสุด
ส่วนจะสามารถเอาผิดผู้รับเหมาได้หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เพิ่งเกิดเมื่อ 2 วันที่แล้ว ซึ่งการทางพิเศษจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง คงใช้ระยะเวลาการตรวจสอบไม่เกิน 1 เดือน
นายสุริยะ กล่าวถึงมาตรการอะไรในการป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ ว่า ในช่วงนี้ยังมีการก่อสร้างต่อเรื่อย ๆ และมีประชาชนที่สัญจรผ่านยังบริเวณดังกล่าวห่วงเรื่องความปลอดภัย ตนเองจึงเสนอให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. ตรวจสอบกระบวนการและจะจัดจ้างที่ปรึกษา เพื่อดูกระบวนการทั้งหมด คำนวณความปลอดภัยในการก่อสร้างสูง ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงได้มีการขอร้องที่ปรึกษาโดยไม่จ่ายค่าจ้าง แต่ขณะนี้คิดว่าต้องมีการจ้างให้เป็นกิจจะลักษณะ เพื่อให้มีบุคลากรมาช่วยดูแล
ส่วนจะต้องมีการเอาผิดบริษัทที่ปรึกษาด้วยหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า หากเป็นความผิดพลาดของที่ปรึกษา ก็ต้องดำเนินคดีอาญา รวมไปถึงฟ้องทางแพ่ง และหากผิดพลาดก็ต้องยึดใบอนุญาตของที่ปรึกษาด้วย
เมื่อถามว่า หากโครงการนี้แล้วเสร็จ ประชาชนจะมั่นใจได้หรือไม่ว่า โครงสร้างจะแข็งแรง นายสุริยะ กล่าวว่า ทุกโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ยังไม่มีโครงการไหนที่ไม่แข็งแรง เพราะตอนออกแบบใช้มาตรการที่เป็นไปตามวิศวกรรม เพียงแต่อุบัติเหตุที่เกิดระหว่างการก่อสร้างเกิดจากความประมาทจากผู้รับเหมา
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน จะต้องมีการไปตรวจสอบระหว่างการก่อสร้างหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้เกิดจากวัสดุในการก่อสร้าง แต่เกิดจากบริษัทผู้รับเหมาและลูกจ้างไม่ได้ทำตามขั้นตอน ซึ่งวัสดุในการก่อสร้างกรมทางหลวงตรวจสอบตลอดเวลาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าการเกิดเหตุซ้ำแบบนี้ถือเป็นการหละหลวมในเรื่องของมาตรฐานหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนได้กำชับกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท รฟม. และหน่วยที่ต้องก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงกำชับให้ตัวอธิบดีไปพูดคุยกับผู้รับเหมา โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้เชิญผู้รับเหมามาย้ำเรื่องความปลอดภัย แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก ตนจึงได้มีการเสนอมาตรการสมุดพก ที่จะให้มีการตัดคะแนนผู้รับเหมา โดยมีเหตุการณ์จนถึงการสูญเสีย ก็จะมีการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมารายนั้น ไม่สามารถเสนอราคาประมูลงานได้ จึงจะทำให้ผู้รับเหมาทำงานด้วยความระมัดระวัง เพราะหากโดนขึ้นบัญชีดำ 2 ปี อาจจะทำให้บริษัทนั้นล้มละลายได้ แต่ทางกรมบัญชีกลางเสนอว่าไม่จำเป็นต้องรอมาตรการสมุดพก ออกมาตรการที่กรมบัญชีกลาง มีอยู่สามารถดำเนินการได้ แต่เจ้าหน้าที่เป็นห่วงเนื่องจาก จะต้องมีการใช้ดูแลพินิจของหน่วยงาน
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งก่อนยังไม่มีการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา เนื่องจากอยู่ระหว่างการทำมาตรการสมุดพก ของกรมบัญชีกลางและหน่วยงานรับผิดชอบสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
เมื่อถามว่ามาตรการสมุดพก จะแล้วเสร็จและสามารถบังคับใช้ได้เมื่อใด นายสุริยะ กล่าวว่า จะสามารถบังคับใช้ได้ก่อนสิ้นเดือนเมษายน
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ ที่ไม่สามารถเอาผิดผู้รับเหมาได้ นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยพยายามแล้วแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะในสัญญาไม่มีการ กำหนดข้อห้ามรับงานไว้ จึงมีความคิดทำมาตรการสมุดพกขึ้นมา เพื่อวางแนวทางการทำงานกับผู้รับเหมาให้ได้
ส่วนกระทรวงคมนาคม จะทบทวนเกี่ยวกับการแบ่งสัญญาการรับเหมาหรือไม่ เนื่องจากถนนพระราม 2 มีการซอยสัญญาก่อสร้างค่อนข้างมาก นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการซอยสัญญา แค่ไม่กี่กิโลก็มีหลายสัญญา เช่นถนนพระราม 2 มีถึง 14 สัญญา และบางสัญญาณไม่แล้วเสร็จ ทำให้เกิดฟันหลอ ที่เหลือก็ต่อเนื่องไม่ได้ ก่อนจึงสั่งการไปว่า ต่อไปนี้ต้องแบ่งสัญญาเท่าที่จำเป็น จะไม่ให้มากเกินไป
เมื่อถามว่าในโซเชียลมีเดียมีการตั้งคำถามเรื่องความเชื่อ จะมีการนำยักษ์มาแบกเสา เช่นเดียวกัน ถนนวิภาวดี - รังสิต หรือไม่ นายสุริยะ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุว่า การที่ประชาชนไม่มั่นใจ ตนเข้าใจความรู้สึก จึงมีความคิดจะออกมาตรการ หากการก่อสร้างมีอุบัติเหตุมีแนวคิดห้ามผู้รับเหมารับงาน และมาตรการนี้จะทำให้ผู้รับเหมาระมัดระวัง มากยิ่งขึ้น แต่ระหว่างนี้ยังมีการก่อสร้างอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็จะจ้างสภาวิศวกรรมสถานฯ มาช่วยตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อให้ได้มาตรฐานมากขึ้น
ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องจากโซเชียลมีเดีย ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาตัวเองจากตำแหน่งนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงดำเนินการมาตลอด เมื่อมีมาตรการต่างๆออกมาชัดเจน รวมไปถึงการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา เชื่อว่าเรื่องความปลอดภัยจะดีขึ้นอย่างแน่นอน และยืนยันว่า การก่อสร้างถนนพระราม 2 จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ตามกำหนดการเดิมอย่างแน่นอน