กสทช. – ตำรวจไซเบอร์ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
กสทช. – ตำรวจไซเบอร์ ลงพื้นที่ตรวจสอบชายแดนไทย-มาเลเซีย สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำ เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
วันนี้ (17 ก.พ. 68) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ภาค 4 และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีวิทยุคมนาคม และการให้บริการโทรคมนาคมบริเวณชายแดนในพื้นที่ จ.สงขลา รวม 2 จุด คือ ต.สำนักขาม และ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา หลังได้รับการประสานมีกลุ่มผู้ต้องสงสัยใช้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่หลอกลวงประชาชน
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ได้ลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ค. 2567 ได้แก่ บริเวณแนวชายแดน อ.แม่สอด และ อ.แม่ระมาด จังหวัดตาก, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, จุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์, จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์, อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร และ อ.สะเดา จ.สงขลา
“การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมเชื่อว่าการลงพื้นที่จะทำให้ปัญหาเบาบางลง และช่วยให้ประชาชนตื่นตัวกับภัยเหล่านี้ว่าต้องไม่หลงเชื่อบุคคลที่โทรมาในรูปแบบต่าง ๆ และผมได้ย้ำภารกิจนี้กับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ว่า เราต้องทำเพื่อชาติ นี่คือหน้าที่เรา” นายไตรรัตน์ กล่าว
สำหรับการลงพื้นที่ จ.สงขลา ในวันนี้ 4 จุด พบจุดเฝ้าระวังอยู่ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา พบอาคารแห่งหนึ่งมีการตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ห่างจากชายแดนประมาณ 2 กม. โดยพบสายอากาศหันหน้าไปทางประเทศมาเลเซีย แต่เนื่องจากพื้นที่ต่าง ๆ มีชุมชนหนาแน่น สำนักงาน กสทช. จึงสั่งการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับทิศทางสายอากาศ และลดกำลังส่งเพื่อให้สัญญาณครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ประเทศไทย พร้อมทั้งให้ส่งผลทดสอบการให้บริการเพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีสัญญาณล้ำข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และการให้บริการในประเทศไทยยังคงมีคุณภาพไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบควบคู่กันไปด้วย หากผลการทดสอบพบว่ายังคงมีสัญญาณล้ำข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จะให้รื้อถอนสายอากาศดังกล่าวลง และติดตั้งสายอากาศขนาดเล็ก (Small Cell) เพื่อทดแทนสายอากาศดังกล่าวต่อไป
